"ศุภชัย เจียรวนนท์" เปิดใจครั้งแรกหลังแยกทาง "ออเร้นจ์"
ประกาศเดินหน้าธุรกิจมือถือยึดอันดับสามที่แข็งแกร่ง เลิกไล่ล่าเอไอเอส ดีแทค สร้างตลาดบน
5 ยุทธศาสตร์หลัก เร่งเครื่องขยายเครือข่ายอันดับแรกด้วยงบลงทุนไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน
มั่นใจสร้างฐานลูกค้าสู่จุดคุ้มทุน 3 ล้านรายกลางปีหน้า ดีเดย์ 1 เม.ย.เปิดตัวแบรนด์ทรู
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัด การใหญ่ บริษัท เทเลคอมเอเซีย คอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) หรือทีเอ และบริษัท ทีเอ ออเร้นจ์ จำกัด เปิดเผยถึง ยุทธศาสตร์ธุรกิจ
โทรศัพท์มือถือในนาม "ออเร้นจ" เป็นครั้งแรกกับ "ผู้จัดการรายวัน"
ภายหลังจากแจ้ง ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงข้อตกลงทางธุรกิจ (ดิว) กับบริษัท
ฟาร์นเทเลคอมให้ฟังว่า ยุทธศาสตร์ที่จะเดินไปข้างหน้าสำหรับทีเอ ออเร้นจ์นั้นมีด้วยกัน
5 ด้านหลักๆ ได้แก่ 1.เร่งขยายเน็ตเวิร์กอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีพื้นที่ครอบคลุมและต้องเป็นเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
2.โฟกัสไปในเรื่องของนอนวอยซ์ 3.สร้างบริการที่ลูกค้าสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก
4. ควบรวมสองธุรกิจเข้าด้วยกันระหว่างฟิกซ์ไลน์และโมบาย และ 5.มุ่งสร้างในตลาดในส่วนของเซกเมนต์เตชัน
"ปัจจุบันออเร้นจ์มีพื้นที่ครอบคลุมเกือบ 80% ซึ่งตามแผนที่วางไว้จะมีการลง
ทุนในเฟสที่สาม 6,000 ล้านบาท จะทำให้ ทีเอออเร้นจ์มีเน็ตเวิร์กครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า
90% โดยแผนการลงทุนในเฟสที่สี่ก็มีแล้วเช่นกัน เพื่อรองรับการสื่อสารของ ลูกค้าไม่ต่ำกว่า
99% โดยรวมแล้วคาดว่าทั้ง 2 เฟสจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท"
นายศุภชัย กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า ออเร้นจ์ดูเงียบไป ส่วนหนึ่งเนื่องจากเน็ตเวิร์กเต็ม
หลังจากนี้ไปเน็ตเวิร์กได้ลงทุนขยายเพิ่มขึ้น ก็ทำให้ออเร้นจ์จะมีกิจกรรมต่างๆ
ออกมามากขึ้น
เหตุผลที่ต้องลงทุนเน็ตเวิร์กเพิ่มนั้น นายศุภชัยกล่าวว่า บริษัทฯต้องลงทุนเน็ตเวิร์กและให้บริการไม่แพ้ผู้ประกอบการรายใดในประเทศไทย
ผลจากการที่ทีเอเป็นผู้บริหารเพียงรายเดียวไม่ต้องรอการตัดสินใจจากใครอีก ทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่
จึงเป็นเหตุผลที่มุ่งไปในเรื่องการลงทุนเน็ตเวิร์กอย่างมากในปีนี้
เรื่องของยุทธศาสตร์เซกเมนต์เตชันนั้น นายศุภชัยมองว่า ยังมีช่องว่างทางการตลาดที่ทีเอ
ออเร้นจ์จะสามารถสร้างตลาดในลักษณะการเซกเมนต์เตชันได้ ทีเอ ออเร้นจ์จะนำเสนอบริการที่คิดว่าตัวเองมีความแข็งแกร่ง
ส่วนรูปแบบบริการเน้น หนักเรื่องของฟันส์กับเกม ในเวลาเดียวกันจะเน้นเรื่องของไฟแนนเชียลเซอร์วิสด้วย
"เราไม่ได้เตรียมที่จะผลักดันให้ออเร้นจ์ขึ้นไปเป็นผู้นำมือถืออันดับหนึ่งหรือสองของตลาด
แต่เราจะต้องเป็นรายที่สามที่แข็งแกร่งทั้งในเรื่องของเครือข่ายและคุณภาพการให้บริการ
เราจะไม่ไปไล่ฆ่าเบอร์ หนึ่ง และเบอร์สอง อย่างเด็ดขาด"
นายศุภชัยกล่าวว่า การเป็นเบอร์สามของออเร้นจ์ นั้นจะต้องเป็นเบอร์สามที่มีกำไร
และสร้างผลตอบ แทนที่ดีสำหรับผู้ถือหุ้นให้ได้ โดยมองว่า สำหรับส่วน แบ่งทางการตลาดของเบอร์สามของเราควรจะมีแชร์ในอีก
5 ปีข้างหน้าประมาณ 20%
"เรามองจุดคุ้มทุนของออเร้นจ์ เอาไว้ว่า จะต้อง มีผู้ใช้บริการในระบบ 3
ล้านราย ตอนนี้เรามีผู้ใช้บริการเกือบ 2 ล้านราย จากปีแรกมีฐานลูกค้า 1.2 ล้านราย
ปีที่สองเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนราย โดยในปีนี้ เราตั้งเป้าที่จะมีจำนวนผู้ใช้ในระบบเพิ่มขึ้น
8 แสนราย ซึ่งคิดว่า จะบรรลุได้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ทำให้เมื่อถึงสิ้นปีนี้ ออเร้นจ์น่าจะมียอดผู้ใช้ในระบบอยู่ที่
2.7-2.8 ล้านราย ราวๆกลางปีหน้า ออเร้นจ์น่าจะถึงจุดคุ้มทุน ได้"
นายศุภชัยกล่าวว่า ทางกลุ่มทีเอมีเงินมากเพียง พอที่จะเข้ามาสนับสนุนในแง่ยุทธศาสตร์ทั้งห้าในการผลักดันทีเอ
ออเร้นจ์ ในธุรกิจมือถือ โดยทีเอตั้งใจที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กับการเติบโตของตลาดรวมมือถือทั้งหมด
ตามความคาดหวังของทีเอออเร้นจ์ วางไว้ว่าจะต้องสามารถเข้ามาเพิ่มส่วนแบ่งกลุ่มฐานลูกค้าใหม่จากตลาดประมาณ
25%
"ที่สำคัญการลงทุนในทีเอออเร้นจ์วันนี้ ทีเอไม่มีความจำเป็นที่ต้องหาพันธมิตรรายใหม่เข้ามาแทน
ที่ออเร้นจ์ แต่หากมีผู้ที่สนใจจะเข้ามาเป็นพันธมิตรรายใหม่จะต้องถือหุ้นประมาณ
20-25% เท่านั้น โดยที่ทางทีเอยังคงมีบทบาทในการบริหารอย่างเต็มที่"
ในระหว่างที่บริษัทยังสามารถใช้แบรนด์"ออเร้นจ์" ในการทำตลาดมือถือไปได้อีก
3 ปี นายศุภชัยกล่าวว่า จะไม่รีบร้อนที่จะเปลี่ยนแปลงชื่อนี้ เพราะเป็นชื่อที่ขายได้
มีแบรนด์แวลลูอยู่ การที่จะเปลี่ยนมาใช้แบรนด์ ทรูนั้น จึงคงจะยังไม่เห็นในเร็ว
วันนี้ ต้องรอให้แบรนด์ทรูแข็งแกร่งและเป็นที่ยอม รับก่อนถึงจะค่อยมาเปลี่ยนแบรนด์ในภายหลังก็ได้
ซึ่งแนวทางที่มองไว้ อาจจะอออกมาในรูปของการเพิ่มเติมอะไรบางอย่าง ให้มีชื่อของแบรนด์ทรูติดไว้ด้วย
โดยอาจจะใช้ชื่อ "ออเร้นจ์ บาย ทรู" ในการทำ ตลาดก็เป็นไปได้
"วันที่เริ่มต้นธุรกิจทีเอ ออเร้นจ์ คือ วันที่เรานับหนึ่งในธุรกิจมือถือ
แต่วันนี้เราเริ่มนับสองจากการ ที่เราได้เข้ามาดูแลทีเอ ออเร้นจ์แบบเต็มตัว"
สำหรับการผลักดันแบรนด์ ทรูของทีเอ นายศุภชัยกล่าวว่า ได้มีการเปิดตัวภายในองค์กรทีเอกับ
พนักงานทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา และจะดีเดย์เป็นทางการในวันที่
1 เมษายนที่จะถึงนี้