Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 มีนาคม 2547
TPIPLเล็งจ่ายเงินปันผลหลังล้างขาดทุนสะสมQ2             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย
โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารกรุงไทย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทีพีไอ โพลีน, บมจ.
ภัทร, บล.
ไนเตรตไทย
ประเสริฐ อิทธิเมฆินทร์
Cement




ทีพีไอโพลีนมั่นใจล้างขาดทุน สะสม 1.9 หมื่นล้านบาทหมดเกลี้ยงภายในไตรมาส 2 ทำให้มีความสามารถในการจ่ายเงิน ปันผลได้ ขณะเดียวกันมั่นใจได้ข้อยุติว่าแบงก์ กรุงไทยจะปล่อยสินเชื่อรีไฟแนนซ์เมษายนนี้ เตรียมเข็นบริษัทย่อย"ไนเตรตไทย"เข้าตลาดหุ้น ขณะเดียวกันยังคงนโยบายขายสินทรัพย์รองหากได้ราคาดี

นายประเสริฐ อิทธิเมฆินทร์ รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน)(TPIPL) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมล้าง ขาดทุนสะสมที่มีอยู่ทั้งหมด 19,000 ล้านบาท โดยจะนำส่วนล้ำมูลค่าหุ้นที่มีอยู่จำนวน 8,100 ล้านบาท สำรองตามกฎหมายอีก 6,760 ล้านบาท กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 3,000 ล้านบาทรวมกับกำไรจากการดำเนินงานมาหักล้างทางบัญชี คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ปีนี้

หลังจากบริษัทฯดำเนินการล้างขาดทุนสะสมแล้ว ทำให้บริษัทฯมีความสามารถในการจ่ายเงิน ปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ เพราะตามสัญญาการปรับโครงสร้างหนี้ของทีพีไอโพลีน บริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้หลังจากมีเงินเหลือจากการหักอัตราดอกเบี้ยจ่าย เงินต้น และตั้งสำรองที่จะชำระเงินต้นให้เจ้าหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ โดยจะสามารถจ่ายปันผลได้ไม่เกิน 30% ของเงินสดที่เหลือ และอีก 70% ที่เหลือทางบริษัทจะนำมาชำระหนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะจ่ายเงินปันผลได้ภายในปีนี้หรือไม่นั้น คงพิจารณาว่าบริษัทฯมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเหลืออยู่

นายประเสริฐ กล่าวถึงความคืบหน้าในการรีไฟแนนซ์หนี้เดิมว่า ทางบล.ภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ยื่นผลการศึกษาให้กับธนาคารกรุงไทยเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าภายในเดือนเมษายนนี้ ก็คงได้ข้อสรุปว่าธนาคารกรุงไทยจะเป็นแกนนำในการปล่อยสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์ให้กับทีพีไอโพลีนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากแบงก์กรุงไทยปฏิเสธที่จะปล่อยเงินกู้ ทางบริษัทฯก็คงจัดหาแหล่งเงินอื่นมาใช้รีไฟแนนซ์แทน อาทิ การออกหุ้นกู้ หรือกู้เงินจากสถาบันการเงินอื่น จึงมีความเป็นไปว่าภายใน ปีนี้บริษัทฯจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความเชื่อว่า แบงก์กรุงไทยจะให้เงินกู้เพื่อรีไฟแนนซ์ โดยการกู้เงิน ดังกล่าวจะนำหลักทรัพย์ คือโรงงานผลิตปูนไลน์ที่ 1-3 ที่มีมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ มาค้ำประกัน ซึ่งปัจจุบันหลักทรัพย์ดังกล่าวได้วางค้ำประกันให้กับKfW แบงก์กรุงเทพ และแบงก์กรุงไทย

ปัจจุบัน บริษัทมีเงินที่เหลือจากการซื้อลดหนี้ 5.55 พันล้านบาท รวมกับกระแสเงินสด 2.00 พัน ล้านบาท ดังนั้นการกู้เงินเพื่อรีไฟแนนซ์คงไม่จำเป็น ต้องกู้ถึง 750 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามที่แบงก์กรุงไทย เคยแสดงเจตนารมณ์ก่อนหน้า แต่จะกู้เพียง 600 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งจะขอให้เจ้าหนี้แฮร์คัต ดอกเบี้ย ค้างจ่ายจำนวน 5.12 พันล้านบาท

ส่วนแผนการขยายกำลังการผลิตโรงปูนไลน์ที่ 4 อีก 3.3 ล้านตันนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องเร่งขยายกำลังการผลิต เนื่องจากกำลังการผลิต ในประเทศยังล้นอยู่ แต่เชื่อว่าภายใน 2-3ปีข้างหน้า บริษัทฯอาจกลับมาพิจารณาขยายกำลังการผลิตไลน์ที่ 4 อีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมา ทีพีไอโพลีนได้ลงทุนในส่วนฐานรากก่อสร้างไปแล้วคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท รวมทั้งได้สั่งซื้อเครื่องจักร หากจะขยายกำลังการผลิตก็จะใช้เวลาไม่นานและใช้เงินเพิ่มอีก 150 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น

ปัจจุบัน ทีพีไอโพลีนมีส่วนแบ่งการตลาดปูนซีเมนต์และปูนสำเร็จรูปอยู่ที่ 24% โดยปีนี้บริษัท จะลดการส่งออกปูนไปต่างประเทศเหลือเพียงไม่เกิน 1 ล้านตัน เนื่องจากตลาดในประเทศได้มาร์จิ้น ดีกว่าการส่งออกถึง 25-30% จากแนวโน้มตลาดปูนสำเร็จรูปขยายตัวดี ทำให้บริษัทฯมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตปูนมอร์ตาร์เพิ่มขึ้นอีก 1 โรง

พร้อมขาย Non-Core หากได้ราคาดี

นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า ทีพีไอโพลีน ยังคงมีนโยบายที่ขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core) ออกไป หากได้ราคาดีและจังหวะเวลา เหมาะสม โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท ไทยคาโปแลคตัมไปก่อนหน้านี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯยังมีที่ดินในจังหวัดสระบุรีอีก 1.7 หมื่นไร่ รวมทั้งได้ถือหุ้นในบริษัท ไนเตรตไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตวัตถุดิบที่ใช้ในการทำระเบิดเหมืองและฝนเทียม เป็นต้น อยู่ประมาณ 40% จากเดิมที่ถืออยู่ประมาณ 60% หากบริษัทขายหุ้นของบริษัทไนเตรตแล้วได้ราคาดี ก็จะขายออกไป แต่ถ้าได้ราคาไม่เหมาะสมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องขายในช่วงนี้ เนื่องจากบริษัท ไนเตรตไทย มีศักยภาพในการเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้มีมูลค่าหุ้นเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำไนเตรตไทยเข้าตลาดหุ้น เนื่องจากต้อง หารือกับผู้ถือหุ้นเดิมก่อน ว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน หากผู้ร่วมทุนเห็นพ้องก็จะนำบริษัทดังกล่าวเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us