เป้าหมายการดึงลิเบอร์ตี้ มิวชวลกรุ๊ป เข้ามาถือหุ้นของนารายณ์สากลประกันภัย
เพื่อผลักดันตัวเอง ให้กลับไปสู่สถานะเดิมแห่งการเป็นผู้นำประกันภัยรถยนต์
หลังจากเอาตัวไม่รอดจากวิกฤติเศรษฐกิจ
นับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจธุรกิจประกันภัยสัญชาติไทยได้รับความบอบช้ำ
บางแห่งถึงกับต้องเข้าแผนฟื้นฟูกับกรมการประกันภัย เช่น นารายณ์สากลประกันภัย
ของตระกูลเบญจรงคกุลที่มีสมชาย เบญจรงคกุล เป็นผู้ดูแล
บริษัทเราเคยเป็นผู้นำด้านประกันภัยรถยนต์ที่ทำงานร่วมกับไฟแนนซ์ แต่หลังเกิดวิกฤติไฟแนนซ์หายไปเกือบหมดจึงเปลี่ยนแนวความคิดการทำตลาดใหม่
สมชายบอก
ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่นารายณ์เติบโตขึ้นจนติด 1 ใน 3 ของธุรกิจตามสภาวะเศรษฐกิจ
และการเติบใหญ่ของตลาดรถยนต์กลับต้องพ่ายแพ้วิกฤติเศรษฐกิจ จนต้องขอรับความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดจากกรมการประกันภัย
หลังพบว่ามีหนี้สินที่ติดอยู่กับไฟแนนซ์และอู่รถยนต์ 2,000 ล้านบาทในปี 2540
จากที่เคยมีเบี้ยประกัยภัยรับสูงถึง 4,000 ล้านบาท แต่ตัวเลขดังกล่าวลดฮวบฮาบเหลือเพียง
800 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา จนต้องลดพนักงานเพื่อให้เหมาะสมกับรายได้ของบริษัท
ทางออกของนารายณ์ คือ การหาผู้ร่วมทุนที่จะเข้ามาสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน
รวมไปถึงการกอบกู้ชื่อเสียงในอดีตกลับคืนมา
การเจรจากับนักลงทุนที่นารายณ์ถือว่าเป็นอัศวินลงเอยที่ลิเบอร์ตี้ มิวชวลกรุ๊ป
กลุ่มบริษัทการเงินแห่งเมืองบอสตัน พวกเขาจะเข้ามาช่วยเหลือเราได้ในแง่การเงิน
เทคโนโลยี หรือแนวทางการตลาด ซึ่งสมควรเป็นพาร์ตเนอร์กันได้ สมชายกล่าว
ความจริงแล้วทั้งสองได้ร่วมงานกันมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยลิเบอร์ตี้เข้ามาถือหุ้นนารายณ์
25% ใช้เงินซื้อหุ้น 177.5 ล้านบาท (ทุนจดทะเบียน 710 ล้านบาท)
สิ่งแรกที่ทำงานร่วมกัน คือ การแก้ไขปัญหาหนี้สินค้างชำระกับอู่ซ่อมรถยนต์
และปรับปรุงระบบการพิจารณาค่าสินไหมทดแทน มนัส เกษกมล กรรมการผู้จัดการนารายณ์กล่าว
เป้าหมายสำคัญของการรวมตัวครั้งนี้ คือ การกลับไปสู่สถานะเดิมของนารายณ์จากอดีตที่เคยยิ่งใหญ่ในประกันภัยรถยนต์
เมื่อลิเบอร์ตี้เข้ามาทำงานปีนี้คาดว่ายอดขายจะโตขึ้น 50% โรเบิร์ต มาร์ติน
ประธานเจ้าหน้าบริหารของนาราณ์บอก
การที่ลิเบอร์ตี้ตัดสินใจเข้ามาทำงานร่วมกับนารายณ์ เกิดจากการมองว่า ในอดีตเศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว
จนเชื่อว่าเป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหม่แห่งเอเชีย การเติบโตในลักษณะนั้นจะกลับมาอีกครั้ง
และการเติบโตของตลาดรถยนต์เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เอ็ดมันด์ เคลลี่ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารลิเบอร์ตี้
มิวชวลกรุ๊ป เชื่อเช่นนั้น
เขายังเสริมอีกว่า ตลาดรถยนต์และตลาดประกันภัยในไทยเป็นตลาดของคนระดับกลาง
คนระดับนี้ไม่เดือดร้อนอะไรมากจากวิกฤติเศรษฐกิจ และจากการประเมินของเคลลี่
เบี้ยประกันภัยโดยรวมในปัจจุบันมีประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเติบโตอย่างมากเมื่อเทียบกับ
3-4 ปีที่ผ่านมา เป็นโอกาสที่หอมหวานสำหรับพวกเราจากบรรยากาศที่เหมาะสมในการทำธุรกิจ
และขนาดของเศรษฐกิจไทย
ลิเบอร์ตี้ มิวชวลกรุ๊ป ก่อตั้งในปี 2455 ในเมืองบอสตัน ปัจจุบันมีสำนักงานกว่า
900 แห่งใน 15 ประเทศ มีรายได้รวม 13.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีสินทรัพย์รวมกว่า
54 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 67 พันล้านเหรียญสหรัฐ
การเข้ามาลงทุนในไทยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของลิเบอร์ตี้ แน่นอนว่าการดำเนินธุรกิจจะไม่หยุดเพียงแค่นี้หากทางการไทยเปิดเสรีธุรกิจประกันภัย