Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน16 มีนาคม 2547
ไมด้าฯเล็งเทกฯกิจการต่างชาติเหตุบริษัทแม่ในสหรัฐมีปัญหา             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

   
search resources

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ฟินันซ่า, บง.
ไมด้า แอสเซ็ท, บมจ.
ไดสตาร์ อิเล็กทริค คอร์ปอเรชั่น, บมจ.
โรงพยาบาลวิภาวดี, บมจ.
กมล เอี้ยวศิวิกูล
Stock Exchange




"กมล" บิ๊กไมด้า-นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้น เตรียมเข้าเทกโอเวอร์กิจการต่างชาติ 1 แห่งหลังบริษัทแม่ในอเมริกาประสบปัญหา แถมจ้องเทกฯบริษัทนอก ตลาดอีก 2 แห่ง เผยก่อนหน้านี้กวาดหุ้น VIBHA, DISTAR และ FNS เข้าพอร์ตเป็นการลงทุนส่วนตัว ขณะที่ MIDA ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 4 พันล้านบาท ส่วนไมด้าลิสซิ่งเข้าตลาด แน่ต.ค.นี้เพิ่มมาร์เกตแคปเป็น 2 หมื่นล้านบาท

นายกมล เอี้ยวศิวิกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ MIDA เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปซื้อกิจการหรือเทกโอเวอร์บริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง ซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่บริษัทแม่ในอเมริกาจะมีปัญหาในเรื่องหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) โดยจะเข้าไปดำเนินการในลักษณะปรับโครงสร้างหนี้

โดยคาดว่าจะใช้เงินในการลงทุนครั้งนี้ประมาณ 200-300 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวได้มาจากการกู้เงินจากธนาคารกสิกรไทยและสถาบันการเงินอื่นๆ โดยคาดรู้ผลในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า "ธุรกิจที่จะเข้าไปเทกโอเวอร์เป็นบริษัทประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับ MIDA การเข้าเทกฯบริษัทดังกล่าวเนื่องจากบริษัทแม่มีปัญหาที่สหรัฐอเมริกามีปัญหาเรื่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล แต่ภายหลังได้มีผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาดูแล และบริหารหนี้เสีย เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ใหม่" นายกมลกล่าว

นายกมล กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่สำเร็จก็ได้ นอกจากนี้ยังได้มีแผนเข้าเทกโอเวอร์กิจการนอกตลาดหลักทรัพย์ฯอีกประมาณ 2-3 บริษัท เนื่องจากตัวบริษัทมีปัญหาทางด้านการปรับโครงสร้างของบริษัทประกอบกับเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจในลักษณะใกล้เคียงกัน ขณะที่ MIDA เองดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่างๆ

ส่วนกรณีการลงทุนในหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด(มหาชน) หรือ FNS, บมจ.ไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์เปอเรชั่น หรือ DISTAR และบริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด(มหาชน) หรือVIBHA นายกมล กล่าวว่า การลงทุนดังกล่าวนั้นเป็นการลงทุนโดยใช้เงินส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับเงินลงทุนของบริษัทแต่อย่างใด

โดยการลงทุนดังกล่าวจะเข้าไปในลักษณะเข้าเป็นคณะกรรมการ หรือการลงทุน เป็นต้น อาทิ การลงทุนใน VIBHA นั้นตนจะเข้าไปนั่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ เนื่องจากธุรกิจโรงพยาบาลสามารถเติบโตสูง และกำลังมี แผนที่จะเปิดศูนย์ความงามร่วมกับทางโรงพยา-บาลวิภาวดี โดยเป็นลักษณะการเปิดตัวบริษัทใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดสาขาที่โรงภาพยนตร์อีจีวี 1 แห่งและที่โรงพยาบาลวิภาวดีอีก 1 แห่ง โดยรายได้ที่เกิดจากการลงทุนจะเป็นรายได้ส่วนตัว

"การเข้าซื้อหุ้น FNS และ DISTAR ถือว่าเข้าซื้อหุ้นตามปกติ เหมือนนักลงทุนทั่วไป ไม่ได้หวังที่จะเข้าไปร่วมกิจการแต่อย่างใด แต่หาก DISTAR ขอเข้ามาเจรจาพูดคุยทางบริษัทก็จะรับไว้พิจารณา" นายกมลกล่าว

อย่างไรก็ตาม สำหรับบริษัท ไมด้า ลิสซิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทในเครือหลังจากนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ในช่วงตุลาคม 2547 นั้น จะทำให้มูลค่าตลาดโดยรวม(มาร์เกตแคปส์) เพิ่มขึ้นประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน MIDA มีมาร์เกตแคปส์อยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยจะเสนอขายหุ้นประมาณสิ้นเดือนกันยายน และคาดว่าในปีนี้บริษัทไมด้าลิสซิ่ง จะมีกำไร 100 ล้านบาท

นายกมล เปิดเผยว่า ตั้งเป้ารายได้ MIDA ไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาท หรือเติบโต 36% จากปี 2546 ที่มีรายได้ประมาณ 2,844.66 ล้านบาท สาเหตุที่มีการเติบโตสูงเนื่องจากสิ้นปีนี้จะมีสาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ 200 สาขา จากปัจจุบันมี 170 สาขา จะทำให้บริษัทฯสามารถกระจายสินค้าประเภทสินค้าไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มขึ้น

สำหรับฐานลูกค้าของบริษัทฯมีสถานะทางการเงินอยู่ที่ 4,000-5,000 ล้านบาทคาดว่าสถานะทางการเงินของลูกค้าจะเติบโตสูงขึ้นในปีนี้ด้วย อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 995 ล้านบาท

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us