Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 มีนาคม 2547
นักลงทุนทิ้งหุ้นSSI-NSM โบรกฯเชื่อกระทบระยะสั้น             
 


   
search resources

เกียรตินาคิน, บง.
นครไทยสตริปมิล, บมจ.
หลักทรัพย์ ไซรัส, บล.
สหวิริยาสตีลอินดัสทรี, บมจ.
ดีบีเอส วิคเคอร์ส
Metal and Steel




นักลงทุนแห่ทิ้ง SSI-NSM ส่งผลราคาหุ้นร่วงหนัก หลังพาณิชย์ยกเว้นภาษีทุ่มตลาดนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจาก 14 ประเทศ โบรก- เกอร์หลายค่ายฟันธงกระทบระยะสั้นในเชิงจิตวิทยาต่อตลาดเหล็กที่จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น และราคาเหล็กอาจปรับขึ้นได้ไม่เต็มเพดานที่รัฐกำหนด แต่เชื่อว่าความต้องการใช้เหล็กแผ่นยังมีปริมาณสูงกว่ากำลังการผลิตของผู้ประกอบการในประเทศอยู่ดี ดังนั้น ประมาณการรายได้ SSI ไม่เปลี่ยนแปลง

จากมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการ ตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (เอดี/ซีวีดี) มีมติให้ยกเว้นภาษีทุ่มตลาดการนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจาก 14 ประเทศ ที่เก็บภาษีในอัตรา 30%-128% เป็นเวลา 6 เดือน และให้ไปใช้อัตราภาษีนำเข้าปกติ 10% หลังจากครบ 6 เดือน จะมาทบทวน อีกครั้ง โดยเห็นว่าการยกเว้นภาษีทุ่มตลาดจะเกิดผลประโยชน์กับผู้ใช้เหล็กภายในประเทศ ตาม ความต้องการที่มีสูงมากในขณะนี้ โดยการยกเว้นจะมีผลหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเชื่อว่าภายใน 1-2 วันข้างนี้

ส่งผลให้ราคาหุ้น SSI และ NSM ปรับตัวลดลงนับตั้งแต่เปิดตลาดเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ทันที โดยหุ้น SSI หรือบมจ.สหวิริยาสตีล อินดัสตรี เปิด ตลาดที่ 30.50 บาท ปรับตัวลดลงมาต่ำสุดที่ 29.00 บาท ก่อนจะมีแรงซื้อดันราคาขึ้นไปปิดตลาดที่ 29.25 บาท ลดลง 2.75 บาท เปลี่ยนแปลง 8.59% มูลค่าการซื้อขายรวม 389.04 ล้านบาท

ขณะที่ NSM หรือบมจ.นครไทยสตริปมิล เปิดตลาดที่ 2.80 บาท ได้มีแรงขายและซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนปิดตลาดที่ 2.74 บาท ซึ่งถือเป็นราคาต่ำสุดของวัน ลดลง 16 สตางค์ เปลี่ยนแปลง 5.52% มูลค่าการซื้อขาย 107.14 ล้านบาท

ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวมีผลกระทบทางลบต่อจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้นในหุ้น SSI และ NSM ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรีดร้อนรายใหญ่ในประเทศ เพราะการยกเลิกการเก็บภาษี AD (Anti-Dumping) อาจทำให้มองได้ว่าผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นที่จะนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศได้ ดังนั้น ราคาเหล็กในประเทศควรจะมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมีเหล็กแผ่นรีดร้อนจาก 14 ประเทศเข้ามาแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม บล.ไซรัสไม่ได้มองเป็นภาพเชิงลบมากนัก โดยเชื่อว่าราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศอาจไม่ได้ปรับลดลงมากนักอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ เพราะความต้องการใช้เหล็กรีดร้อนในประเทศคาดว่าจะมีประมาณ 7 ล้านตันในปี 2547 ในขณะที่กำลังการผลิตจากผู้ผลิตทั้ง 5 รายสามารถรองรับได้เพียง 3.4 ล้านตัน ดังนั้น แม้ว่าจะมีเหล็กแผ่นรีดร้อนจาก 14 ประเทศ เข้ามาแข่งขันซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 2 ล้านตัน จะเห็นว่าก็ยังมีแนวโน้มไม่พอกับความต้องการใช้ในประเทศอยู่ดี

ปัจจุบันราคาเศษเหล็กและเหล็กแท่ง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนสูงขึ้น ในแง่ของคุณภาพเหล็ก เชื่อว่าทั้ง SSI และ NSM มีสินค้าที่มีคุณภาพสามารถแข่งขันกับสินค้าต่างประเทศได้

ดังนั้น จึงเห็นโอกาสที่จะซื้อสะสมเพื่อลงทุน ในหุ้น SSI และ NSM ในระยะสั้น หากราคาหุ้นในกลุ่มเหล็กจะปรับตัวลด

ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน ให้ความเห็นว่า การยกเว้นเอดีเหล็กครั้งนี้เป็นการยกเว้นเพียงชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือนเท่านั้น ซึ่งจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศอย่าง SSI หรือ NSM ในทันที เนื่องจากทั้ง 14 ประเทศที่ถูกเรียกเก็บเอดีนั้น ต้องยื่นเรื่องให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาก่อนที่จะมีการยกเว้นเอดี นอกจากนี้ แม้จะมีการยกเว้นเอดีแต่ทั้ง 14 ประเทศยังคงต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติประมาณ 5%

ในปี 2547 มีการคาดการณ์ว่าปริมาณใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนจะอยู่ที่ประมาณ 7.58 ล้านตัน โดยคาดการณ์ปริมาณนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนที่ 2.61 ล้านตัน และปริมาณเหล็กแผ่นรีดร้อนที่ผลิตในประเทศที่ 3.43 ล้านตัน รวมปริมาณเหล็กแผ่นรีดร้อนนำเข้าและเหล็กแผ่นรีดร้อนที่ผลิตในประเทศในปี 2547 เท่ากับ 6.04 ล้านตัน ซึ่งยังมีดีมานด์ส่วนเกินอีก 1.54 ล้านตัน

ดังนั้น การยกเว้นเอดีเป็นเวลา 6 เดือน จึงมีผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากดีมานด์เหล็กแผ่นรีดร้อนที่ยังคงสูงกว่าซัปพลายของเหล็กแผ่นรีดร้อน

สำหรับ SSI ที่แม้จะได้รับผลดีจากการปรับขึ้นราคาขายเหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้น กก.ละ 4.79 บาท จากเดิมขาย กก.ละ 15.71 บาท เป็น กก.ละ 20.50 บาท หรือเพิ่มขึ้นตันละ 4,790 บาท แต่การยกเว้นเอดีอาจทำให้ไม่สามารถปรับเพิ่มราคาขายได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากต้องเตรียมพร้อมสำหรับเหล็กที่จะเข้ามาจาก 14 ประเทศในอีก 1-2 เดือนข้างหน้านี้

คาดว่าความต้องการใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนที่ยังมีส่วนเกินจะทำให้ราคาขายเหล็กแผ่นรีดร้อนยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นหลังพ้นระยะเวลายกเว้นเอดี เพียงแต่ในระยะสั้นนี้ จากการที่ราคาขายอาจปรับเพิ่มไม่ได้มากนัก แต่เชื่อว่า SSI จะได้รับผลดีในด้านปริมาณขายที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะทำให้ประมาณการยอดขายและผลประกอบการในปี 2547 ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

ดังนั้น ยังคงคาดว่ายอดขายในปี 2547 ของ SSI จะอยู่ที่ประมาณ 34,232 ล้านบาท โดยมี Gross profit margin ประมาณ 18.3% และ operating profit margin ประมาณ 14.4% และจะมีกำไรสุทธิในปี 2547 ประมาณ 4,494 ล้าน บาท แม้จะมีผลกระทบบางส่วนจากการยกเว้นเอดี เป็นการชั่วคราว แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้และผลประกอบการของ SSI มากนัก ดังนั้น จึงคงแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ SSI ราคาที่เหมาะสมในปี 2547 ประมาณ 37.75-44.60

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า จากการปรับเพดานราคาขาย เหล็กรีดร้อน มาตรฐานเพิ่มขึ้น 30% และการยกเลิกเก็บภาษีทุ่ม ตลาดเพื่อให้เหล็กต่างชาติเข้ามาขายใน ไทย ได้เพิ่ม ขึ้น เชื่อว่าผู้ประกอบการเหล็กรีดร้อนในประเทศยังได้ประโยชน์เพราะเหล็กรีดร้อนในประเทศยังอยู่ในภาวะ Overdemand แต่ความสามารถในการทำ กำไรในปีนี้จะลดลงจากปีก่อน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบสูงมาก และเหล็กต่างชาติเข้ามาแข่งขันมาก ขึ้น จึงปรับคำแนะนำของ SSI จากซื้อเก็งกำไรเป็น Fully Valued โดยราคาปัจจุบัน 32 บาท

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us