Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 มีนาคม 2547
DBSซูฮกแผนแม่บทมูดี้ส์เล็งอัปเกรดTMB             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ธนาคารทหารไทย
โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ธนาคารดีบีเอสไทยทนุ

   
search resources

ธนาคารดีบีเอสไทยทนุ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ธนาคารทหารไทย
ไทยประกันชีวิต, บจก.
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย - IFCT
กระทรวงการคลัง
มูดี้ส์ อินเวส-เตอร์ เซอร์วิส
ดีบีเอส กรุ๊ป สิงคโปร์
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
แป้ง มาลากุล ณ อยุธยา
ณรงค์ชัย อัครเศรณี
สุชาติ เชาว์วิศิษฐ
สมหมาย ภาษี
สุภัค ศิวะรักษ์
แจ็คสัน ไต
ไมเคิล แอนดรูว์ เฮก
Banking and Finance




ควบรวมกิจการTMB-DTDB-IFCT ฉลุย หลังเซ็นเอ็มโอยูร่วม 3 สถาบันวานนี้ "สุชาติ" คุยเป็นดีลที่เสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน เผยต้องเปลี่ยนชื่อธนาคารเพื่อความเป็นสากล ด้านตลาดหลักทรัพย์ยืด เอสพี 3 หุ้นอีก 1 วัน บิ๊กดีบีเอสสิงคโปร์ชื่นชมแผนพัฒนาระบบสถาบัน การเงินไทยสุดยอด มูดี้ส์เตรียมปรับเรตติ้ง TMB-IFCT

วานนี้ (8 มี.ค.) มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) เพื่อควบรวม กิจการระหว่างธนาคารทหารไทย (TMB) ธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ (DTDB) และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทย (IFCT) โดยร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานในพิธีฯ

ร.อ.สุชาติ กล่าวว่า หลังการควบ รวมกิจการ สัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารทหารไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ กระทรวงการคลังจะถือหุ้น 31.2% ธนาคารดีบีเอส สิงคโปร์ 16.1% กองทัพ 7.1% นายพานทองแท้ ชินวัตร และบริษัท ไทยประกันชีวิตรายละ 3%

"เมื่อรวมหุ้นดีบีเอสกับต่างชาติที่เคยถือหุ้นIFCT สัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างประเทศในธนาคารทหาร ไทยอยู่ที่ 20.9% ที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นฝ่ายไทย"

ทั้งนี้ ธนาคารทหารไทยจะกลายเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับ 5 ของประเทศมีสินทรัพย์ รวม 677,000 ล้านบาท มีฐานลูกค้าประมาณ 4 ล้านราย มีสาขา 462 สาขา ยอดสินเชื่อ 533,000 ล้านบาท เป็นธนาคารที่ให้สินเชื่อใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) 11% อัตราส่วนของเงินสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ระดับ 84% และอัตราส่วนของเงินกอง ทุนรวมอยู่ที่ 9.2% โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 6.0%

"กระทรวงการคลังเล็งเห็นว่าการควบรวมของ สถาบันการเงินทั้ง 3 แห่งดังกล่าว ทำให้เกิดการเกื้อกูล ซึ่งกันและกันกับทุกฝ่าย ทหารไทยมีอัตราส่วนการเงินที่มีศักยภาพและเครือข่ายสาขาทั่วประเทศ ดีบีเอส ไทยทนุมีดีบีเอสสิงคโปร์ที่ตกลงในหลักการว่าจะเป็นพันธมิตรอย่างแน่วแน่เพื่อเสริมธุรกิจด้านธุรกรรม ต่างประเทศ ด้าน Consumer Banking ด้านระบบควบคุมความเสี่ยงและไอที ส่วนIFCTจะเข้ามา เสริมด้านสินเชื่ออุตสาหกรรม ด้านเอสเอ็มอีและด้าน งานวิเคราะห์วิจัย การควบรวมครั้งนี้จึงเหมาะสมอย่าง ยิ่ง" ร.อ.สุชาติกล่าว

นายสมหมาย ภาษี ประธานกรรมการธนาคาร ทหารไทย และ IFCT กล่าวว่า อัตราการแลกหุ้น ของสถาบันการเงินทั้ง 3 แห่ง คือ หุ้นธนาคารทหารไทย 0.9 หุ้น แลกหุ้นธนาคารดีบีเอส ไทยทนุได้ 1 หุ้น และหุ้นธนาคารทหารไทย 1.124 หุ้น แลกหุ้น IFCT ได้ 1 หุ้น

"ธนาคารทหารไทยจะทำการเพิ่มทุน 4,600 ล้านบาทเพื่อนำไปแลกหุ้นดีบีเอส ไทยทนุ และ IFCT เมื่อทำการควบรวมแล้วเสร็จจะทำให้หุ้นของดีบีเอสไทยทนุจะลดลงจาก 3,400 ล้านหุ้น เหลือ 3,000 ล้านหุ้น และหุ้นของ IFCT จะเพิ่มขึ้นจาก 1,400 ล้านหุ้นเป็น 1,600 ล้านหุ้น"

หลังจากนี้ สถาบันการเงินทั้ง 3 แห่ง จะนำเสนอรายละเอียดต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป นอกจากนี้ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อการควบรวมกิจการ ประกอบด้วยกรรมการบริหารของสถาบันการเงินทั้ง 3 เพื่อดูแลการดำเนินการต่างๆ ให้ลุล่วงโดยมีพลเอก แป้ง มาลากุล ณ อยุธยา (ทหารไทย) เป็นประธาน นายไมเคิล เฮค (ดีบีเอส) และนายณรงค์ชัย อัคร-เศรณี (IFCT) เป็นรองประธาน ขณะที่คณะกรรมการ ธนาคารจะมีการแต่งตั้งใหม่ตามสัดส่วนผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งประธานคณะกรรมการกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่มีความเป็นไปได้สูงที่นายสมหมายและนายสุภัค ศิวะรักษ์ ยังคงทำหน้าที่ต่อไป

สำหรับประเด็นของการเปลี่ยนแปลงชื่อของธนาคารถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยจะทำพร้อมๆ กับการทำแบรนดิ้ง ภายใต้หลักการเป็นที่ยอมรับของ ลูกค้าและนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามยังไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ

นายสุภัค กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับเป้าผลประกอบการกำไรสุทธิของปีนี้จาก 4,000 ล้านบาท เป็น 9,000 ล้านบาท กำไรที่เพิ่มขึ้นจะมาจากผลการดำเนินการร่วมกันของทั้ง 3 ธนาคาร รวมกับการลด ต้นทุนค่าใช้จ่ายและความสามารถจากการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น หรือตามสูตร A+B+C+1,800=9,000 และคาด ว่ากำไรสุทธิของธนาคารจะเติบโตต่อเนื่องประมาณปีละ 5-10% โดยขึ้นอยู่กับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆ ด้วย

"คาดว่าการทำคำเสนอซื้อจะสิ้นสุดภายในเดือน มิถุนายน 2547 สามารถรวมบัญชีของทั้ง 3 สถาบันการเงินได้ในทันที โดยตั้งงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการครั้งนี้ 800 ล้านบาท โดยสัปดาห์หน้าธนาคารจะเสนอแผนควบรวมกิจการ แผนโครงสร้างองค์กร แผนดำเนินธุรกิจ และแผน การจัดการด้านสินเชื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และการรวมกิจการจะเสร็จเรียบร้อยประมาณ ไตรมาสที่สามของปี 2547Ž"นายสุภัคกล่าว

นายแจ็คสัน ไต รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารดีบีเอส สิงคโปร์ กล่าวว่า การควบรวมในครั้งนี้เป็นครั้งแรกภายใต้แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (ไฟแนนเชียล มาสเตอร์แพลน) หรือแผนแม่บทของไทย ถือว่าเป็น สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมธนาคารไทยที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่ ซึ่งดีบีเอสต้องการ เป็นผู้นำในภูมิภาคจึงเห็นชอบกับแผนการดังกล่าว

"ธนาคารใหม่ที่เกิดขึ้นนี้จะมีความเข้มแข็งกว่าที่ศักยภาพของธนาคารทั้ง 3 แห่งจะเข้มแข็งได้ เพราะเป็นการนำจุดแข็งของทั้ง 3 แห่งมารวมกัน โดยธนาคารที่จะแข่งขันในธุรกิจได้ต้องมีทั้งลูกค้าในประเทศและระดับนานาชาติ และจำเป็นต้องมีบรรษัท ภิบาลที่ดีด้วย"

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดฯ จะห้ามทำการซื้อขายหุ้น (เอสพี) 3 สถาบันการเงินคือ TMB DTDB และ IFCT ต่อไปอีก 1 วัน จากให้ซื้อขายตามปกติในวันนี้ เป็นวันพรุ่งนี้ (10 มี.ค.) แทน เพื่อให้นักวิเคราะห์ได้มีโอกาสนำข้อมูลการควบ รวมไปทำการศึกษา ภายหลังจากทั้ง 3 สถาบันการเงินได้แจ้งข้อมูลการควบรวมต่อตลาดฯแล้ว

มูดี้ส์โปรยยาอาจปรับเรตติ้ง TMB-IFCT

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์ระบุว่าจะ มีการทบทวนเครดิต TMB และ IFCT และอาจจะปรับเครดิต โดยสำนักข่าวดาวโจนส์รายงานว่าบริษัท จัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส พิจารณาความเป็นไปได้ในการปรับเพิ่มอันดับตราสาร หนี้และเงินฝาก TMB และ IFCT ทั้งนี้เรต E+ สำหรับความแข็งแกร่งทางการเงินของ TMB จะคงไม่เปลี่ยน แปลง และยังคงได้รับมุมมองเป็นเสถียรตามเดิม

มูดี้ส์รายงานว่า การปรับเกรดสะท้อนให้เห็นถึง ศักยภาพของความร่วมมือ 2 บริษัท โดยการควบรวม ระหว่าง IFCT และ TMB ตามมาด้วยการประกาศแผนควบรวมระหว่าง TMB และ DTDB ซึ่งเครือข่ายสาขาของ TMB จะช่วยลูกค้า IFCT และที่สำคัญคือ เป็นการระดมทุนให้กับพอร์ตสินเชื่อ IFCT ด้วยเงินทุนต่ำ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us