ดีแทคโชว์ผลประกอบการปี 2546 รายได้รวม 3.1 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 2.5 พันล้านบาท
มีลูกค้าเพิ่มทั้งหมด 1.09 ล้านราย 2 ซีอีโอย้ำปีนี้ไม่เป็นมวยรองใครแล้วโดยเฉพาะเรื่องนวัตกรรม
นายวิชัย เบญจรงคกุล กับ นายซิคเว่ เบรกเก้ ประธานเจ้าหน้า ที่บริหารร่วม บริษัท
โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค กล่าวถึงผลประกอบการปี 2546 ว่ามีรายได้รวมทั้งสิ้น
31,781 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากค่าใช้บริการ 30,279 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2545ประมาณ
20% แบ่งเป็นรายได้จากบริการด้านเสียงเพิ่มขึ้น 18%, รายได้จากการให้บริการเสริม
(Value-added Service) เพิ่มขึ้นถึง 81% คิดเป็น 4% ของรายได้ทั้งหมด และรายได้จากการ
ใช้บริการโทรศัพท์ข้ามแดนระหว่างประเทศ (International Roaming) เพิ่มขึ้น 53%
คิดเป็น 6% ของรายได้ทั้งหมด
เนื่องจากกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมีความนิยมใช้บริการ
ของดีแทคมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดรวมถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของเครือข่ายที่ครอบคลุมมากขึ้น
รายได้จากค่าใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการที่ลูกค้าเก่าและใหม่ทั้งในระบบจดทะเบียนและบัตรเติมเงินมีการใช้บริการมากขึ้นโดยดีแทคมีจำนวนลูกค้าทั้งสิ้น
6,550,496 เลขหมาย เพิ่มจาก 5,454,562 เลขหมายในปี 2545 เพิ่มขึ้น 1,095,934 เลขหมาย
คิดเป็นเพิ่มขึ้น 20%
"จำนวนลูกค้าในระบบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 9 เดือนเป็นผลมาจาก การดูแลไม่ให้ลูกค้าไหลออกนอก
ระบบทั้งยังมีจำนวนลูกค้าชั้นดีเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ บริษัทยังเชื่อมั่นว่าฐานลูกค้าบัตรเติมเงินจะเติบโตต่อไปและยอดขายมีแนวโน้มที่สูงขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้
เนื่องจากการเปิดตัวบริการใหม่ เบบี้ ซิมออกสู่ตลาด รวมถึงกระ-แสตอบรับที่ดีต่อบัตรเติมเงิน
50 บาท"
สำหรับรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายของระบบบัตรเติมเงิน (Prepaid ARPU) เท่ากับ 234
บาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 209 บาท สำหรับรายได้เฉลี่ย ต่อเลขหมายของระบบเหมาจ่ายรายเดือน
(Postpaid ARPU) เท่ากับ 1,176 บาท เพิ่มขึ้น 11% จากปี 2545 ซึ่งอยู่ที่ 1,057
บาท
ดีแทค มีกำไรก่อนหักค่าเสื่อมราคา ค่าใช้จ่ายตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยและภาษีเงินได้
(EBIT-DA) เพิ่มขึ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546 ทั้งสิ้น 12,143 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น
16% กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 24 %เป็น 2,587 ล้านบาท โดย ในปี 2546 ดีแทคมีกำไรต่อหุ้น
(earnings per share) 5.45 บาท เพิ่มจาก 4.39 บาทในปี 2545
หากไม่รวมค่าใช้จ่ายซึ่งไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานและเกิด ขึ้นเพียงครั้งเดียว
(one-time non operating costs) เช่น ค่า ใช้จ่ายในการคืนเงินกู้ก่อนกำหนด จะมีผลทำให้ดีแทคมีกำไรสุทธิสูงถึง
3,032 ล้านบาท หรือเท่ากับ มีอัตราการเพิ่มของกำไร 46% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
นายซิคเว่กล่าวว่าที่ผ่านมา ดีแทคมีภาระที่ต้องทำ 3 ประการคือ 1.เพิ่มรายได้
2.เปลี่ยนทัศน-คติผู้ใช้บริการที่มองดีแทคว่าเป็นเหมือนหญิงแก่ให้สู่ภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น
3.เปลี่ยนวัฒนธรรมในองค์กร ซึ่งดีแทคบรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ประการได้ในปีที่ผ่านมา
เป้าหมายในปี 2547 ที่วางไว้จะมียอดการเติบโตไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาจะอยู่ที่ตัวเลข
2 หลักคาด ว่าจะมีการลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 6,500 ล้านบาทในด้านเครือข่าย หลังจากปีที่ผ่านมาลงทุนไป
6,000 ล้านบาท สำหรับการเติบโตไม่ได้มองจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นแต่มองรายได้เป็นหลักมากกว่า
"ปีที่แล้วคนมองดีแทคว่าเป็นมวยรองแต่ปีนี้ไม่ใช่แล้ว เราเป็นรองแค่ยอดรวมเท่านั้น
แต่เรื่องนวัตกรรมเราไม่เป็นรองใคร ปีนี้จะหนุนเรื่องบริการเสริม จากปีที่แล้ว
5% ของรายได้รวมปีนี้จะ เป็น 7% ภาพรวมตลาดโทรศัพท์ มือถือโตเพิ่มขึ้น 4-5 ล้านราย
ดีแทคจะได้ส่วนแบ่งประมาณ 30% ซึ่งการแข่งขันในปีนี้จะมีกิจกรรมออกมาอีกมาก"