เอไอเอสผนึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ผสานความแกร่งระหว่างเทคโนโลยีมือถือกับคอนเทนต์ด้านบันเทิง
สร้างมิติใหม่ในโลกธุรกิจ เปลี่ยนรูปแบบของโลกบันเทิงและการใช้วิถีชีวิตคน ซึ่งเป็น
"New Way of Life" หวังแชร์ส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจคอนเทนต์บนมือถือที่ประเมินว่าปีนี้จะมีมูลค่าถึง
10,000 ล้านบาท
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายที่เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในไทยขณะนี้
เปิดเผยว่า เอไอเอสได้ร่วมกับผู้ให้บริการและพัฒนาเนื้อหาหรือคอนเทนต์ด้านความบันเทิงอันหนึ่งของไทยอย่างบริษัท
จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพื่อสร้างสีสันใหม่ในการใช้ชีวิตของคนไทย ซึ่งถือว่าเป็น New
Way of Life
การร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอในรูปแบบอินเตอร์แอ็คทีฟ ที่นอกจากจะได้รับความบันเทิงจากบริการที่เลือกเองแล้ว
ยังสามารถร่วมสนุกกับผู้ใช้บริการรายอื่นได้แบบทันทีที่ต้องการด้วย
ความร่วมมือของเอไอเอสและจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่คือกลยุทธ์ Win Win ที่ผสมผสานความแข็งแกร่งของแต่ละฝ่ายเข้าด้วยกัน
ทำให้เกิดบริการที่หลากหลายผ่านเครือข่ายไร้สายอัจฉริยะ (High Speed Intelligent
Network) ของเอไอเอส
นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ รองผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า การร่วมระหว่างเอไอเอสกับจีเอ็มเอ็ม
แกรมมี่ครั้งนี้ จะเป็นการเปลี่ยนโลกธุรกิจ เปลี่ยนโลกบันเทิงจริง ๆ เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีมือถือกับคอนเทนต์ด้านบันเทิงมาผสมผสานเข้าด้วยกันเป็นผลสำเร็จ
เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในโลก ที่มีผู้ให้บริการหลายรายพยายามทำในเรื่องนี้
การให้บริการลักษณะนี้ เอไอเอสเคยทดลองเปิดให้บริการ Calling Melody ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าภายในหนึ่งเดือนจะมีคนใช้ประมาณแสนรายก็จะถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ลองให้บริการ ปรากฏว่ามีคนใช้ถึง 1
ล้านราย จนทำให้เครือข่ายล่ม ต้องชะลอการให้บริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถหรือคาปาซิตี้ในการรองรับก่อน
จากการร่วมมือดังกล่าวนอกจากเป็น New Way of Life แล้ว ที่สำคัญจะเป็นการสร้างรายได้
สร้างยอดขายจากมูลค่าของคอนเทนต์บนมือถือในรอบปีนี้ที่ประเมินกันไว้ที่ 10,000
ล้านบาท
"เอไอเอสกำลังตอบโจทย์ตลาด เพราะตัวนี้จะเป็นตัวเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคทั้งหมดในเรื่องของบันเทิงและการสื่อสาร
ซึ่งเราเชื่อว่าผู้ใช้จะเพิ่มขึ้นคือเดิมประชากรห้าคนเป็นลูกค้าเอไอเอสหนึ่งคน
มาเป็นประชากรห้าคนเป็นลูกค้าเอไอเอสหรือแกรมมี่สองคน"
นายกฤษณันกล่าว่า ทุกอย่างเป็นการตอบสนองความต้องการผู้บริโภค เช่น ผู้ใช้มือถือสามารถขอลายเซ็นศิลปินแล้วเอาเข้าไปไว้ในมือถือ
หรือสามารถเล่นเกมกับศิลปินที่ชื่นชอบได้ เป็นต้น นอกจากนี้ ซึ่งจะทำให้มีคนใช้จีพีอาร์เอส
และแอปพลิเคชั่นเพิ่มขึ้น ขณะที่จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ก็จะสามารถขายซีดีผ่านฐานลูกค้ากว่า
13 ล้านรายของเอไอเอสได้ด้วย
ด้านนางบุษบา ดาวเรือง ประธานกรรมการบริหาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้
จะสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน 3 ด้านคือ 1.เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ หรือ New Way of Life
in Wireless Society ให้กับกลุ่มเป้าหมาย และกลุ่มลูกค้าเอไอเอส 2.บริการที่แกรมมี่มีซึ่งพัฒนาร่วมกับเอไอเอส
นอกจากจะมีความพิเศษตามแบบของแกรมมี่แล้ว ยังถูกเลือกสรรและเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะกับเอไอเอสเท่านั้น
3.เป็นการขยายฐานทางธุรกิจให้เติบโตไปในวงกว้างยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของแกรมมี่และเอไอเอส
สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากความร่วมมือดังกล่าว การเชื่อมต่อระหว่าง MobileLIFE ของเอไอเอสกับ
G Member ของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ซึ่งจะทำให้เกิดความบันเทิงตามรูปแบบที่ต้องการอย่างไร้ขีดจำกัด
ไม่ว่าจะเป็นการได้รับข่าวสารล่าสุดจากศิลปินที่ชื่นชอบ ข่าวคราวกิจกรรมต่างๆ ชมการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตผ่านมือถือ
ดาวน์โหลดเกมอินเตอร์แอ็คทีฟที่สามารถร่วมเล่นกับผู้อื่นได้
วิธีใช้บริการเพียงเข้าไปที่ MobileLIFE บนมือถือ จากนั้นเลือก G Member และดาวน์โหลดมา
ซึ่งจะมีหลากหลายวิธีให้เลือกใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกมาเก็บไว้ในเมนูในลักษณะของจาวา
การเชื่อมต่อผ่านจีพีอาร์เอสทาง MobileLIFE ในแต่ละครั้งของการใช้งาน หรือการเลือกผ่านทาง
IVR (Interactive Voice Response)
"แกรมมี่ในฐานะผู้ให้บริการคอนเทนต์ด้านความบันเทิงที่หลากหลายที่สุดในไทย
ได้เปิดมิติใหม่อีกด้านหนึ่งของโลกแห่งความบันเทิงที่ไร้ขีดจำกัด เพราะจากนี้ไปในทุกที่
ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ความบันเทิงของเราจะติดตามตัวผู้ใช้ไปตลอดเวลา เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีไร้สายพัฒนาไออย่างรวดเร็ว"
นางบุษบากล่าว