ความเป็นมาของบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันที่รู้จักกันในนาม CONOCO ในวันนี้
สามารถนับย้อนกลับไปได้ถึง 126 ปี โดยมีจุดเริ่มจาก Continental Oil and Transportation
(CO&T) ซึ่งนับเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกตลาดน้ำมันในเขตภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
Isaac Elder Blake นักธุรกิจจากฝั่งตะวันออกของอเมริกา ซึ่งล้มเหลวและสูญเสียทุกอย่างจากการลงทุน
ได้อพยพตัวเองมายังเมือง Ogden รัฐ Utah และเริ่มก่อตั้งบริษัท CO&T
ขึ้นในปี 1875
การก่อตั้งบริษัทดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ Isaac Elder Blake สังเกตพบว่าผู้คนในเมือง
Ogden ยังคงใช้เทียนและไขปลาวาฬ เป็นเชื้อเพลิงในการให้แสงสว่าง แม้ว่า น้ำมันก๊าดจะมีจำหน่ายแล้ว
แต่การขนส่งจากโรงกลั่นใน Colorado ทำให้มีราคาสูงเกินไป ซึ่ง Blake เชื่อว่าหากสามารถขนส่ง
น้ำมันก๊าด จากโรงกลั่นทางตะวันออกโดยทางรถไฟด้วยจำนวนมากๆ จะc o m p a n
yP r o f i l eทำให้ราคาลดต่ำลงและความต้องการใช้น่าจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแนวความคิดเช่นนี้เองที่ทำให้เขาคิดเริ่มต้นธุรกิจอีกครั้ง
กิจการของ Blake เติบโตอย่างรวดเร็วจากในระยะเริ่มแรกที่มีตู้ขนส่งน้ำมันเพียงสองตู้
Blake ได้ลงทุนสร้างคลังน้ำมันตามแนวทางรถไฟ ซึ่งผลกำไรที่ Blake ได้รับเขาก็นำไปลงทุนในตู้ขนส่งน้ำมันและคลังน้ำมันเพิ่มอีก
การเติบโตของตลาดน้ำมันก๊าด ทำให้ Blake มีความคิดที่จะขยายตลาดเข้าไปสู่
san Francisco โดยเขามีส่วนอย่างมากในการสร้างท่อส่งน้ำมันแห่งแรกไปสู่ California
โดยมีเรือกลไฟที่แล่นสู่ Golden Gate เป็นลูกค้า พร้อมกับสินค้าใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน
, เทียน , สีผสมเสร็จ และแม้กระทั่ง น้ำมันทากีบม้า
ในปี 1885 บริษัท CO&T ได้รับการผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงาน
ในเขตเถือกเขา Rocky ของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ Standard Oil โดยชื่อของ CO&T
ถูกปรับให้สั้นลงเหลือเพียง Continental Oil สำหรับการดำเนินกิจการทางธุรกิจใน
Colorado ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยในช่วงปี 1906 Continental Oil
สามารถครอบครองตลาดภาคพื้นตะวันตกของอเมริกาได้มากถึง 98% แต่การผูกขาดดังกล่าวก็สิ้นสุดลงในปี
1911 เมื่อศาลสูงของสหรัฐอเมริกา มีคำสั่งให้ Standard Oil ถอนการลงทุนในบริษัทน้ำมันหลายแห่ง
ซึ่ง Continental Oil ก็เป็นหนึ่งใน 34 บริษัทน้ำมันอิสระที่เกิดขึ้นในปี
1913 จากผลของคำสั่งนี้
การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุคบุกเบิก เป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญของ
Continental Oil และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสถานีบริการในปี 1914 ก่อนที่ในอีกสองปีต่อมาจะก้าวเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันอย่างเต็มตัว
ด้วยการเข้าซื้อกิจการของ United Oil และในปี 1924 Continental Oil ก็เป็นผู้ประกอบการที่มีลักษณะบูรณาการเต็มรูปเมื่อผนวกกิจการกับ
Mutual Oil ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของผลิตภัณฑ์, โรงกลั่น และเครือข่ายการกระจายสินค้า
แต่การควบรวมกิจการที่ใหญ่ที่สุดของ Continental Oil เกิดขึ้นในปี 1929
ด้วยการผนวกกิจการเข้ากับ Marland Oil ผู้ประกอบการจาก Oklahoma.
ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ Continental ได้แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ด้วยการสร้างท่อส่งน้ำมันจาก
Oklahoma สู่ Chicago และ Minnesota เพื่อลดค่าขนส่ง โดย Continental ได้ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อให้โครงการดังกล่าวปรากฏจริง
การขยายตัวของ Continental เป็นไปอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ 1950 ถึง
1960 ด้วยการเข้าซื้อกิจการขุดเจาะน้ำมันทั้งใน แอฟริกา, ตะวันออกกลาง และละติน
อเมริกาพร้อมกับการซื้อกิจการสถานีบริการน้ำมันทั่วภาคพื้นยุโรป ไม่ว่าจะเป็น
SOPI, Jet และ Seca
Continental เริ่มขยายฐานธุรกิจออกไปสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องด้วยการเข้าซื้อกิจการ
American Agricultural Chemicals ในปี 1963 และซื้อกิจการของ Consolidation
Coal (Consol) ในปี 1966. ก็ที่จะเปลี่ยนโครงสร้างและชื่อบริษัทเหล่านี้เป็น
Conoco Chemical และ Consol ในช่วงทศวรรษที่ 1970 รวมถึงการตั้งแผนกปิโตรเลียมอีกสองแผนก
และการรุกเข้าไปในกิจการสำรวจน้ำมัน และการพัฒนายูเรเนียมด้วย
ในปี 1979 Continental เปลี่ยนชื่อมาเป็น Conoco ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
ปลายทศวรรษที่ 1970 นี้เองที่ Conoco ต้องเผชิญกับความพยายามครอบกิจการอย่างไม่เป็นมิตรจาก
Mobil และ Seagram โดย Conoco ได้อาศัยความสัมพันธ์และการเข้าร่วมลงทุนกับบรรษัทด้านเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่อย่าง
DuPont เป้นเกราะคุ้มกัน ก่อนที่ DuPont จะซื้อกิจการของ Conoco ในปี 1981
ในช่วงวิกฤติการณ์น้ำมันโลก DuPont ประเมิน Conoco ในบานะแหล่งน้ำมันดิบที่น่าเชื่อถือ
และได้ขายสินทรัพย์ของ Conoco จำนวน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐออกไป พร้อมกับดูดซับ
Conoco Chemical เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ DuPont
ระหว่างทศวรรษที่ 1980 Conoco ได้ทำการสำรวจและพบแหล่งน้ำมันในภูมิภาคต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นอ่าวเม็กซิโก ,แหล่งทะเลเหนือ ,อินโดนีเซีย และเอกวาดอร์ ในปี
1991 Conoco ยังได้ตกลงที่จะร่วมกับ LUKOIL เพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันในแถบอาร์คติคของรัสเซีย
และในปี 1996 Conoco ยังตกลงที่จะขุดเจาะน้ำมันในน่านน้ำที่ยังมีฐานะเป็นกรณีพิพาทของเวียดนามด้วย
Conoco ให้ความสำคัญกับธุรกิจในเอเชียไม่น้อย และได้ลงทุนในเอเชียเป็นสัดส่วนมากที่สุดในบรรดาการลงทุนนอกสหรัฐอเมริกา
โดยในปี 1995 Conoco ได้ให้ความสนใจกับโอกาสในธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า ขณะที่
โรงกลั่นน้ำมันที่มาเลเซียก็ ก่อสร้างเสร็จในปี 1998
ในปีเดียวกันนั้นเอง DuPont ได้นำหุ้นของ Conoco ออกขาย ซึ่งนับเป็น การทำ
IPO ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น ก่อนที่ DuPont จะขายการลงทุนทั้งหมด
70% ใน Conoco ออกไปในปีต่อมา ขณะที่ราคาน้ำมันโลกอยู่ในภาวะตกต่ำ และทำให้
Conoco ต้องปลดคนงานและลดค่าใช้จ่ายลง 20%