ชื่อ ZAGAT เป็นชื่อที่คุ้นหูคนอเมริกันในเมือง เพราะเป็นชื่อกลุ่มหนังสือขายดีอันดับหนึ่งตลอดกาลในอเมริกา
คนส่วนใหญ่รู้ว่า "ซาแกต"หมายถึงหนังสือแนะนำร้านอาหาร แต่คงไม่รู้ว่าชื่อนี้ตั้งขึ้นตามนามสกุลของผู้ก่อตั้ง
ทิม ซาแกต และภรรยา ผู้บอกว่า ยอดขายของหนังสือปกสีเลือดหมู และไม่มีรูปภาพประกอบสักนิด
ในแต่ละปีนั้นสูสีกับ Dictionary และ คัมภีร์ไบเบิ้ล ซึ่งตอนเริ่มต้น ทิมและนิน่า
ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้พวกเขาเป็นแค่คู่สามีภรรยาที่ชอบทานอาหารนอกบ้าน ในเมืองอย่างนิวยอร์กซึ่งมี
10,000 ร้านอาหาร 1,000 ประเภทให้เลือกชิม กุมภาพันธ์ ปี 2001 โอกาสแนะนำหนังสือชุดใหม่ผู้บริหารของซาแกตได้เชิญผู้สื่อข่าวนานาชาติ
เข้าร่วมรับฟังและทำความรู้จักกัน ที่ห้องอาหารเช้า ของตึกทรัมพ์พลาซ่า
จากงานอดิเรก สู่การกินเป็นอาชีพ ซาแกตจำกัดความธุรกิจของตนเองว่า "จัดระบบชิมแล้วบอกต่อ"
การจัดระบบของพวกเขาไม่ได้เป็นธรรมดาหากดูประวัติของผู้ก่อตั้งบริษัท ทิมจบกฎหมายจากเยล
และบริหารธุรกิจจากฮาร์วาร์ด ผ่านการอบรมหลักการจากสองมหาวิทยาลัยชั้นนำที่เชื่อถือได
้มาตั้งแต่ตอนเป็นหนุ่มน้อย เมื่อหันมาจับงานประเภท "กินแล้วบอกต่อ"
ที่ทำกันอยู่ทั่วไป งานง่ายๆ แบบนี้จึงถูกเปลี่ยนโฉมหน้ามานำเสนออย่างมีมาตรฐาน
ปี 1976 ที่ทิม และนิน่า แต่งงานกันได้ 10 กว่าปี ยังเป็นหนุ่มสาวและรูปร่างคงจะผอมเพรียวกว่าตอนนี้มาก
ทั้งคู่ไปฝึกงานด้านกฎหมายที่ปารีสนึกสนุกขึ้นมาจึงเขียนรายงานประกอบการชิม
ถ่ายเอกสารเอาไว้แจกเพื่อนฝูง ที่ร่วมกันออกความเห็นด้วยและทำต่อเนื่อง จนย้ายกลับมานิวยอร์ก
กลายเป็นงานอดิเรกที่ต้นทุนแพงเลยออกหนังสือเล่มแรกแนะนำร้านในนิวยอร์ก ปี
1979 ซึ่งเป็นเล่มแรกที่แนะนำอย่างถูกต้อง กว้างขวาง และครอบคลุม
ทั้งคู่เริ่มพิมพ์แล้วขายอย่างเป็นการเป็นงาน ตั้งแต่ปี 1982 โดยวางจรรยาบรรณในการชิมไว้ว่า
"ชิมแล้วจ่ายเงิน ชิมแล้วให้คะแนนตามตรงและพยายามหาคนมาช่วยกันชิม "ร้าน"
ที่ซาแกตแนะนำ จึงวางใจได้เสมอ กระทั่งต่อมาในปี 1999 ทิม ได้เลิกทำงานประจำซึ่งเป็นถึงหัวหน้าที่ปรึกษากฎหมายในบริษัทใหญ่
หันมาดูแลธุรกิจของเขาอย่างจริงจัง
นิน่า ซาแกต ภรรยาซึ่งบุกเบิกธุรกิจร่วมกับทิม มาตั้งแต่ต้นหลังจากที่พบกันในโรงเรียนกฎหมายเยล
เคยทำงานเป็นทนายความในบริษัทกฎหมายที่วอลล์สตรีทมากกว่า 24 ปี
ปัจจุบัน ทิมยังรับตำแหน่งเป็นประธาน นิวยอร์กซิตี้ และคอมปานีซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวนิวยอร์ก
และที่ผ่านมาเขาเป็นผู้ก่อตั้งคณะกรรมการเจ้าบ้านนิวยอร์ก เป็นประธานโครงการส่งเสริมนิวยอร์กเป็นเมืองหลวงโลก
เป็นผู้ก่อตั้งโครงการขายอาหารเที่ยง ชุดราคาถูก หรือ Prix Fix Lunch ซึ่งช่วยกู้ธุรกิจร้านอาหารในนิวยอร์ก
และยังมีกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งทิมได้ตอบแทนสู่เมืองนิวยอร์กหลังจากที่ธุรกิจของเขามีรากฐานมาจากเมืองนี้
และจากธุรกิจหลักของเมืองนี้คือ "ภัตตาคารและร้านอาหาร"
โ ค ร ง ส ร้ า ง บ ริ ษั ท ปี 2 0 0 1
มิเชลส์ เลห์แมนน์ ผู้อำนวยการ ด้านการประสานงานในองค์กร เปิดเผยว่าปัจจุบันซาแกตมีลูกจ้างประจำ
130 คน แบ่งการทำงานออกเป็นแผนกต่างๆ ดังนี้
1) แผนกบรรณาธิการ แยกเป็น ทีมสำรวจ, ทีมผลิตงานเขียน, ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
2) แผนกเทคโนโลยี แยกเป็น ทีมพัฒนาเว็บไซต์ (On line)
และทีมพัฒนาธุรกิจบนปาล์มท็อป คอมพิวเตอร์ (Wireless)
3) แผนกพัฒนาธุรกิจ แยกเป็น ทีมจัดหาผู้ร่วมธุรกิจใหม่ (New Partnership)
และทีมสร้างรายได้ ( Revenue sheme)
4) แผนกขายองค์กร (Cooperate Sale) เช่น การเชื่อมเว็บไซต์ของซาแกตเข้ากับอเมริกันออนไลน์
เจาะฐานลูกค้าขนาดใหญ่
5) แผนกขายทั่วไป (Trade Sale) ดูแลการขายหนังสือ ตามร้านหนังสือทั่วไป
6) แผนกการตลาด ดูแลการโฆษณาประชาสัมพันธ์
7) แผนกบริการลูกค้า (Customer Service) คอยรับโทรศัพท์และตอบคำถามลูกค้าทั่วไป
8) แผนกบริหารภายใน แยกเป็น แผนกสื่อสารในองค์กร (Cooperate Communication)
แผนกบัญชี และแผนกบุคคล
ซาแกตได้ขยายตัวอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งข้อสังเกตได้ว่า ช่วงที่ทิม
ผู้ก่อตั้ง เลิกทำงานประจำด้านกฎหมายของเขา จากเดิมที่เคยมีพนักงานเพียง
40 คนได้เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า การขยายตัวครั้งนี้ เกิดขึ้นได้ เพราะบริษัทเปิดรับการอัดฉีดเงินทุน
31ล้านดอลลาร์จากกลุ่มผู้ร่วมทุนใหม่ คือ เจเนอรัล แอตแลนติก และ คลีเนอร์
เพอร์กินส์ ไบร์เออร์
รู ป แ บ บ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ห ล า ก ห ล า ย
ซาแกตแบ่งประเภทการจัดอันดับในแต่ละร้านอาหารเป็น "รสชาติ, การตกแต่ง,
การบริการ, ราคาต่อหัว สามกลุ่มแรกจะมีคะแนนเต็ม 30 ซึ่งมีร้านชั้นดีไม่กี่ร้านที่จะได้คะแนนสูงกว่า
28 ส่วน ราคาต่อหัว นั้น ร้านชั้นนำอย่างในนิวยอร์ก อาจมีราคาเฉลี่ยสูงถึง
80-1,000 เหรียญทีเดียว แต่ซาแกตก็ไม่ได้ละเลยที่จะสำรวจร้านอาหารราคาถูก
มื้อละ 8-10 เหรียญด้วย
กลุ่มร้านอาหารที่ซาแกตสำรวจจะถูกจัดเข้ากลุ่มได้หลายประเภท เช่น ตามเขตย่อยของแต่ละเมือง
ตามระดับราคา ตามประเภทของอาหาร เช่น อเมริกัน หรือญี่ปุ่น หรือไทย ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
ซาแกตได้ทำการสำรวจแทบทุกเมืองใหญ่ในอเมริกา "ซาแกต" ไม่ได้กินแล้วชมเสมอไป
มาตรฐานของซาแกตนั้นค่อนข้างสูงมาก หากร้านใดได้คะแนนรสชาติเกิน 25 ถือว่า
อร่อยแน่ แต่ร้านใดมีรสชาติอาหารที่แย่มาก หรือ บรรยากาศแย่ ก็จะได้รับคะแนนรวมที่ต่ำกว่า
20 และคำวิพากษ์วิจารณ์แบบอ้อมค้อมที่ตีความได้ เช่น อาหารไม่ถูกปาก หรือบรรยากาศไม่ได้อารมณ์
ทั้งนี้ ซาแกต มีมุขตลกว่า คำวิจารณ์ที่ไม่สามารถพิมพ์แบบตรงไปตรงมาได้
เช่น เอาใส่ถุงกลับบ้านให้สุนัข สุนัขยังไม่รับประทาน, รสชาติเหมือนถุงเท้า,
ยังกับสวนสัตว์ที่เสิร์ฟอาหาร, ควรแน่ใจว่าได้นั่งในเขตห้ามยิง, คุณย่าทำอาหารแบบนี้
คุณปู่ถึงตายแต่ยังหนุ่ม, กินทีไรก็ป่วยทุกที ถือว่ารสชาติมั่นคง, ให้ลูกลองถุยน้ำลายดู
ก็ยังไม่มีใครสนใจ
อย่างไรก็ตาม หากดูคะแนนด้านอาหาร แล้วร้านนั้นได้คะแนนต่ำมาก ก็แสดงให้เห็นได้ว่า
นักชิมจากซาแกต แอบบ่นอย่างใดอย่างหนึ่ง ในย่อหน้าข้างต้นและไม่ใช่ว่า ซาแกตจะรับใช้แต่กลุ่มนักกินราคาแพง
ที่มีป้ายซาแกตรับประกันอยู่หน้าร้าน
หากร้านอาหารราคาถูก ที่บริการและบรรยากาศแย่ อาจได้รับคะแนนด้านรสชาติอาหารสูงลิ่วก็ได้
มากกว่าเรื่องกิน ซาแกตเริ่มทำเรื่อง "นอนนอกบ้าน" ให้เป็นอาชีพด้วย
โดยขยายวงสำรวจสู่การสำรวจจัดอันดับโรงแรม, รีสอร์ต และสถานพักร้อน ในปี
1987 โดยเริ่มสำรวจทั่วสหรัฐอเมริกา ในช่วงหลังก็ได้ขยายธุรกิจสำรวจเรื่องกินในเมืองใหญ่ของโลกด้วย
การทำธุรกิจแบบซาแกต หรือธุรกิจประเภทใดก็ตาม ที่ไม่ใช่สินค้าจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของคนทั่วไปการพัฒนาผลิตภัณฑ์
และหาตลาดใหม่เป็นการช่วยหล่อเลี้ยงให้บริษัทเติบโต และอยู่คู่กาลเวลาได้ยาวนานกว่าการยึดติดทำอยู่อย่างเดียว
ทิม และนิน่า ซาแกต รับฟังความเห็นแม้จากลูกชายของตัวเอง ที่เสนอแนะให้ทำหนังสือแนะนำ
"สถานราตรีในนิวยอร์ก ด้วยการท้วงติงที่ว่าคนหนุ่มรุ่นเขานั้นเที่ยวบาร์มากกว่านั่งร้านอาหาร
ปรากฏว่า Zagat New York Nightclubs & Bars ขายดิบขายดีในกลุ่มนกฮูกราตรี
ตั้งแต่ออกวางตลาดในเดือนมีนาคม ปี 2000
ธุ ร กิ จ ยุ ค อิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต
ปัจจุบันซาแกตมีรายได้มากขึ้น จากการให้เชื่อมโยงเว็บไซต์ของซาแกตเข้ากับผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต
เซอร์วิส ในอเมริกา เช่น ของ Prodigy, CompuServe, AOL, MSN, Pathfinder,
Travelocity รวมถึงคนต่างประเทศที่เข้าไปเยี่ยมชมโฮมเพจของผู้ให้บริการเหล่านั้น
ก็สามารถกดคลิกที่ Banner ของ Zagat หน้าจอได้
การเข้าร่วมงานกับเว็บไซต์อื่นๆ เช่น Citysearch เว็บไซต์นำเสนอข้อมูลในเมืองใหญ่
และ Ticketmaster ซึ่งเป็นผู้จัดขายตั๋วคอนเสิร์ต ละครเวที รายใหญ่ ทั้งนี้
ซาแกตได้สร้างเว็บไซต์เป็นช่องทางจำหน่ายตั๋วอีกช่องทางหนึ่งให้ "ทิกเก็ตมาสเตอร์"
นิตยสาร Newsweek ได้จัดให้เว็บไซต์ของซาแกตเป็นหนึ่งในเว็บไซต์ยอดนิยมของกองบก.
โดยบอกว่า "ไซต์นี้เจาะได้ลึก และสนุกมากจนคุณอาจใช้เวลาในการประเมินตัวเลือกของอาหารมื้อค่ำ
มากกว่าฝึกซ้อมการบรรยายงานในที่ประชุมวันรุ่งขึ้น"
ยุค 2000 ที่การสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตกลายเป็นที่นิยมสูงสุดซาแกตได้ทำการพัฒนาซอฟต์แวร์
ที่ใช้ในการหาข้อมูลจากซาแกต ในคอมพิวเตอร์มือถือ หรือปาล์มทอป และโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบที่ติดต่ออินเทอร์เน็ตได้
ปัจจุบันคนอเมริกันเริ่มมีสองอย่างนี้เป็นปัจจัยที่ 6
ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง หากสามารถตอบสนองความต้องการกลุ่มนี้ได้ จึงยืนอยู่แถวหน้าอินเทอร์เน็ตยังช่วยขยายวง
"ผู้ร่วมงานสมัครเล่น" ให้ซาแกตตั้งแต่ออกเว็บไซต์ในเดือนพฤษภาคม
ปี 1999 ซึ่งผู้เข้าเว็บสามารถร่วมส่งคำวิจารณ์ร้านมาได้ หนังสือเล่มหลังๆ
จะมีผู้ร่วมออกความเห็นมากถึงหลักแสนคน รวมทั้งช่วยให้การขยายงานในตลาดต่างประเทศเป็นไปอย่างง่ายดายขึ้น
โดยซาแกตได้ออกฉบับภาษาฝรั่งเศสแนะนำร้านในปารีสและฉบับภาษาญี่ปุ่นแนะนำร้านในโตเกียว
ขยายงานสำรวจไปยังร้านอาหารที่ลอนดอน และแคนาดา
ตั้ ง ห น้ า รุ ก ต ล า ด ใ ห ม่
ผลิตภัณฑ์หนังสือแนะนำประเภทใหม่ล่าสุดของซาแกต ซึ่ง าผู้จัดการำ ได้เข้าร่วมการแนะนำตัวสินค้า
คือ หนังสือสำรวจโรงแรม, รีสอร์ต และสถานพักร้อนชั้นนำนานาชาติ (Survey of
Top International Hotels, Resorts & Spas) ซึ่งออกสู่ตลาดหลังจากที่ซาแกตได้วางแผงหนังสือสำรวจโรงแรม,
รีสอร์ต และสถานพักร้อนในประเทศอเมริกาฉบับปรับปรุงใหม่ ครั้งที่ 6 ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
บริษัทอ้างว่าหนังสือเล่มใหม่นี้ได้จากการรวบรวมประสบการณ์ของนักเดินทางกว่า
1,200 คน ในจำนวนนี้มีราว 400 คน ที่ทำงานโดยตรงในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เหลือเป็นนักเดินทางซึ่งเดินทางบ่อยในแต่ละปี
จากงานประจำที่เกี่ยวเนื่องกับการติดต่อตลาดทั่วโลก คนเหล่านี้ได้ค้างคืนรวมแล้วกว่า
365,000 คืน ในโรงแรมทั้งหมดที่สำรวจ
ผลสรุปได้ออกมาเป็นรายงานของที่พักชั้นนำทั่วโลก จำนวน 872 แห่งใน 77 ประเทศ
ซึ่งนักสำรวจได้ให้คะแนนแยกเป็น4 ด้านคือ ห้องพัก, บริการ, อาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวก
ด้านละ 30 คะแนนเต็ม แบ่งผลการสำรวจได้เป็นหัวข้อ อาทิ
1) กลุ่มเครือข่ายชั้นนำ ปรากฏว่าเครือเยอรมัน ได้เป็นอันดับหนึ่งเครือนี้มีรีสอร์ต
11 แห่ง ในอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์,ไทย, เฟรนซ์ โพลีนีเซีย, โมร็อกโก,เม็กซิโก
ตามด้วยเครือ โฟร์ ซีซัน, เครือ แมนดาริน โอเรียนเต็ล และเครือ ริทซ์ คาร์ลตัน
2) กลุ่มเครือข่ายที่น่าสนใจ ได้แก่ แชงกรีล่า, รีเลซ์ & ชาโตซ์ ของฝรั่งเศส
เคมปินสกิ้ ของเยอรมัน, โอบีโรอิ จากอินเดีย, คามิโน เรียล จากอเมริกากลาง
ชื่อเหล่านี้ แทบทั้งหมด ยังไม่คุ้นหูในตลาดโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย
3) โรงแรมที่ดีที่สุดในโลก มีโรงแรม 14 แห่งที่ได้คะแนนเฉลี่ยจาก 4 ประเภท
รวมแล้วมากกว่า 28 คะแนน คือ เพนนินซูล่า ที่ฮ่องกง, โอเรียนเต็ล ที่กรุงเทพฯ
ซึ่งคะแนนรวมเป็นอันดับสอง, ริทซ์ที่ปารีส และที่สิงคโปร์, โฟร์ส ซีซัน ที่มิลาน
ปารีส และที่สิงคโปร์, รีเจ้นท์ที่ฮ่องกง ตามด้วยชื่อไม่คุ้นคือ เคมปินสกี้
ที่อิสตันบุล,
โฮเต็ล เดอ ปารีส ที่ มอนติ คาร์โล, ออพเสิร์ตเวทอรี่ ที่ซิดนี่ย์, คิปรีอานี
ที่เวนิส และเลนซโบโรห์ที่ลอนดอน
4) รีสอร์ตชั้นนำ อันดับหนึ่ง คือ โฟร์ซีซัน ที่จิมบาแรน เบย์ บาหลี ตามด้วย
วิลล่า เดอ เอสเต้ ที่ ทะเลสาบ โคโม, ดาไต ลังกาวี ที่มาเลเซีย
5) จิ๋วแต่แจ๋ว ที่หนึ่งคือ รีสอร์ตในเมืองแชมเปญ ฝรั่งเศส และอมันปุรี
ที่ภูเก็ต ก็ติดอันดับชั้นนำในกลุ่มนี้ด้วย
หนังสือสำรวจเล่มนี้ ได้บันทึกรายละเอียดปลีกย่อยของแต่ละสถานพักนอนไว้
เช่น โปรแกรมเที่ยวป่า, สถานที่ที่เด็กชอบ, ชวนตกปลา เล่นกอล์ฟ, บริการอินเทอร์เน็ต,
กีฬาทางน้ำ, ความโรแมนติก รวมถึงรายนามเว็บไซต์ของสถานพักผ่อน แต่ละแห่งจึงน่าจะเป็นคู่มือของนักธุรกิจที่ต้องเดินทางบ่อยๆ
และสามารถจับจ่ายห้องพักคืนละ 300-400 ดอลลาร์ได้
ต ล า ด แ บ บ ซ า แ ก ต
กั บ ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย
ทิม ซาแกต ได้แสดงความเห็นของเขาต่อประเทศไทยที่เขารู้จัก และความสนใจที่จะเข้ามาสำรวจตลาดร้านอาหารในประเทศไทย
เพื่อจัดพิมพ์คู่มือซาแกตในอนาคต ประเทศไทยมีเป้าหมายที่ดีมาก คุณมีโรงแรมอันดับสองของโลก
คือ อมันปุรีที่ภูเก็ต โรงแรมรีเจ้นท์ที่เชียงใหม่ ทำได้ดีมาก ประเทศของคุณอยู่ในอันดับสูงมีโรงแรม
และสถานพักผ่อนจำนวนมากที่ประเทศไทยเข้าอันดับเราหวังว่าจะรุกตลาดอย่างมากในประเทศไทยต่อไป
เรากำลังทำการสำรวจและจัดอันดับร้านอาหารที่เมืองไทย เราอาจเปิดธุรกิจที่กรุงเทพฯ
ใน "ปีหน้า"
ถึงแม้อาจไม่ได้ตระหนักถึงการวางแผนเข้ามาของซาแกตแต่ล่าสุดมีข่าวการเปิดตัวของบริษัท
"จัดระบบการชิมแบบมืออาชีพ" ในกรุงเทพฯ แห่งแรกขึ้นแล้ว
Try It Asia ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์ www.tryitasia.com ได้เตรียมการเปิดตัวแนะนำร้านอาหารในกรุงเทพฯ
ตามชื่อว่า Try It Bangkok Dining ขึ้นโดยประชาสัมพันธ์ว่า เป็นการรวบรวมรายงานการสำรวจร้านอาหารในกรุงเทพฯ
กว่า 500 ร้านจากนักชิมอิสระกว่า 16,000 คน จัดทำเป็นรายการประเภทย่อยได้
38 ประเภท
Try It ยืนกรานจรรยาบรรณว่า จะไม่ประพฤติเหมือนหนังสือแนะนำทั่วไป แต่จะไม่ยอมรับโฆษณาร้านอาหาร
หรือรับเงิน เพื่อการเขียนชมร้านอาหารแต่ความเห็น และการจัดอันดับที่ปรากฏในหนังสือของเขาจะเป็นความเห็นที่ไม่เอนเอียงจากการให้คะแนนอาหารที่แท้จริง
และจากประสบการณ์และความเห็นส่วนตัว ซึ่งจะแจ้งผู้อ่านตรงๆ ไม่ว่าอาหารจะดีหรือ
แย่ Try It มีแผนจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป โดยจัดพิมพ์ปีละสองครั้ง เพื่อให้มีความเห็นที่เข้ากับกาลเวลาและการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างรวดเร็วของร้านอาหารในกรุงเทพฯ
รวมทั้งจะมีจำหน่ายในมาเลเซีย สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกาด้วย