Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2547








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2547
ซีรี่ส์ 5 โฉมใหม่             
 


   
search resources

บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย), บจก.
Frank Roester
วิทย์ สิทธิเวคิน
Automotive




BMW Group Thailand ได้เปิดตัวรถ BMW Series 5E 60 (5th generation) เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยใช้ห้องจัดเลี้ยงโรงแรม Grande Sheraton Sukhumvit เป็นสถานที่แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยมี Dr.Frank Roesler ประธานบริษัทฯ และวิทย์ สิทธิเวคิน ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร ทำหน้าที่ให้รายละเอียด เกี่ยวกับตัวรถ

BMW ให้คำจำกัดความ Series 5 ตัวใหม่ นี้ว่าเป็นสุดยอดซีดานสำหรับผู้บริหาร (The Ultimate Business Sedan) ที่ใช้เทคโนโลยีและดีไซน์ เข้ามาตอบโจทย์เรื่องความต้องการได้อย่าง ลงตัว

จากการพัฒนาระบบโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา (light-weight body) ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างอะลูมิเนียมและเหล็ก โดยตัวรถส่วนหน้าทั้งหมดจะเป็นอะลูมิเนียม ซึ่งจะมีข้อได้เปรียบ ในเรื่องน้ำหนักที่เบากว่าเหล็ก เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตัวรถในหลายๆ เรื่อง เช่นเมื่อเทียบกับ Series 5 ตัวก่อน ระยะห่างระหว่างล้อที่เพิ่มขึ้นทั้งด้านหน้า (46 มิลลิเมตร) และด้านหลัง (56 มิลลิเมตร) บวกกับฐานล้อที่ยาวขึ้น (62 มิลลิเมตร) ทำให้การกระจายน้ำหนักไปยังเพลาเป็นไปอย่างลงตัวมากขึ้น ในอัตราส่วน 50:50 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนน

นอกจากเรื่องการกระจายน้ำหนักแล้ว ระยะห่างระหว่างล้อที่กว้างขึ้นและฐานล้อที่ยาวขึ้น ทำให้ห้องผู้โดยสารโดยเฉพาะในส่วนหลัง มีความกว้างของช่วงไหล่เพิ่มขึ้น 48 มิลลิเมตร และพื้นที่พักขายาวขึ้น 46 มิลลิเมตร เป็นพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นในขณะที่น้ำหนักรวมของตัวรถลดลงถึง 75 กิโลกรัม

ขณะที่ตัวรถมีขนาดใหญ่ขึ้น การออกแบบจึงเข้ามามีส่วนช่วยในด้านรูปลักษณ์ที่ผสมผสานความปราดเปรียวของ Series 3 เข้ากับความสง่างามของ Series 7 พร้อมรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของ Series 5 รุ่นก่อนๆ เอาไว้

แต่สิ่งที่ BMW ถือว่าเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยี อยู่ที่ระบบบังคับเลี้ยวแบบ Active Steering และระบบไฟหน้าปรับมุมตามเส้นทางโค้ง (Adaptive Headlight) ซึ่งจะมีในเฉพาะรุ่น 525 I SE

ระบบบังคับเลี้ยวแบบ Active Steering เป็นระบบที่เชื่อมระบบพวงมาลัยเข้ากับล้อหน้า ทำหน้าที่ปรับอัตราทดพวงมาลัย ตามการผันแปรของความเร็วของตัวรถ เมื่อขับรถที่ความเร็วต่ำ อัตราทดจะต่ำเพื่อลดองศาและรอบในการหมุนพวงมาลัย ในขณะที่ขับขี่ที่ความเร็วสูง อัตราทดจะสูงเพื่อลดปฏิกิริยาในการตอบสนองของพวงมาลัย ทำให้ปลอดภัยจากการหักหลบได้ดียิ่งขึ้น ส่วนระบบไฟหน้าปรับมุมตามเส้นทางโค้ง (Adaptive Headlight) จะทำหน้าที่ปรับระดับและองศาบิดเลี้ยวของไฟหน้าตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัย ช่วยทำให้วิสัยทัศน์ในการขับขี่ขณะเข้าโค้งชัดเจนยิ่งขึ้น

ในระยะแรกเริ่ม BMW จะทำตลาด BMW Series 5 ในรุ่น 525 I และ 525 I SE ซึ่งจะเป็นรถที่ผลิตที่โรงงาน BMW Manufacturing จังหวัดระยอง โดยกำหนดราคาที่ 3.8 และ 4.2 ล้านบาทตามลำดับ

โดยสายการผลิต Series 5 E60 ที่จังหวัดระยอง ถือเป็นสายการผลิตแห่งที่ 3 ของโลกรองจากสายการผลิตที่เมืองดิโกฟิง (Dingolfing) เยอรมนี และที่เมืองเสินหยาง (Shenyang) จีน และจะเป็นแหล่งผลิตแห่งที่ 2 ของโลกต่อจากโรงงานที่เมืองดิโกฟิง ที่ผลิตรถ BMW ครบทั้ง 3 Series คือ 3, 5 และ 7

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us