ในช่วงฤดูหนาวคนส่วนใหญ่มักจะไปแสวงหาอากาศบริสุทธิ์ ไปหาธรรมชาติ ชมทิวทัศน์
มองท้องฟ้าสดใส หากไม่ไปแถบภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย ก็ต้องบินไปแถวยุโรป
ออสเตรเลีย หรือสหรัฐอเมริกา ขณะที่บางคนอาจจะไปปักกิ่งชมหิมะตก เดินบนกำแพงเมืองจีน
การบินไปสัมผัสหิมะแต่ละครั้งต้อง กินเวลาเดินทางไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
แต่ยังมีอีกดินแดนที่คนไทยหลายคนไม่ทราบ นั่นคือ นครลี่เจียง (Lijiang)
มณฑลยูนนาน (Yunnan)
ลี่เจียงนับว่าเป็นดินแดนภูเขาหิมะที่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด ใครที่เคยไปจะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
จะต้องกลับมาอีกครั้ง ความผสมผสานระหว่างตะวันออกกับตะวันตก ทำให้ลี่เจียงมีเสน่ห์
จนหลายคนที่เคยไปต้องบอกว่านี่คือสวิสแห่งตะวันออก
เพียงคุณเสียเวลาแค่ 2-3 ชั่วโมงก็สามารถเล่นหิมะและดูประเพณีวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของโลกได้ที่นี่
ลี่เจียงมีพื้นที่ 20,600 ตารางกิโลเมตรตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน
มีเขตแนวติดเทือกเขาทิเบตและเทือกเขายูนกุย พื้นที่ 95% เป็นภูเขา มีประชากร
1.125 ล้านคน มีชนเผ่า 23 เผ่าอาศัย แต่มีเผ่าดั้งเดิมจำนวน 12 เผ่า ซึ่งชนเผ่าน่าซี
(Naxi) ถือเป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยในลี่เจียงมากที่สุด
เผ่าน่าซีมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่สุดเผ่าหนึ่งในจีน เคยเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มาก่อน
แต่มาถูกจอมทัพกุ๊บไบข่านตีจนแตกพ่าย
สำหรับใครที่จะไปลี่เจียงโดยตรงน่าเสียดายที่การบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ-ลี่เจียง
ยังไม่มี ทำให้คุณต้องบินไปนครคุนหมิง เมืองหลวงมณฑลยูนนานเสียก่อน แล้วจึงบินต่อไปยังลี่เจียง
ใช้เวลาบินจากกรุงเทพฯ-คุนหมิง 2 ชั่วโมง และจากคุนหมิง-ลี่เจียง 45 นาที
แต่ผู้เขียนเดินทางไปลี่เจียงด้วยการนั่งรถยนต์จากเมืองต้าลี่ (Dali) ได้ชมทิวเขาสวยงามระหว่างทาง
ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถึงลี่เจียง
ต้าลี่ก็เป็นอีกเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะต้องมาต้าลี่
และต่อไปยังลี่เจียง
ต้าลี่มีทะเลสาบที่กว้างใหญ่ เรียกว่าทะเลสาปเอ่อหู คือรูปร่างคล้ายใบหูคน
กว้าง 250 ตารางกิโลเมตร ต้าลี่มีประชากร 3 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวไป๋หรือตาลีฟู
แห่งอาณาจักรน่านเจ้าเดิม
ทั้งสองฟากทางของทะเลสาบเอ่อหู มีประติมากรรมน่าสนใจ นั่นคือ สถาปัตย-กรรม
เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว สูงที่สุดในโลก สูง 17.56 เมตร ใช้หยก 269 ชิ้น มาประกอบกัน
มีน้ำหนัก 400 ตัน สร้างเสร็จเมื่อปี 2542 และถูกบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊คเรียบร้อยแล้ว
หากเปรียบเทียบระหว่างต้าลี่กับลี่เจียงก็ต้องบอกว่า สวยคนละแบบ ต้าลี่มีความเป็นธรรมชาติทั้งทะเลสาบกว้างใหญ่
และมีที่ราบดูเป็นทะเลภูเขาหินที่เรียงรายเต็มไปหมด
ลี่เจียงมีความผสมผสานระหว่างความเก่าแก่กับการสัมผัสธรรมชาติที่เป็นหิมะ
ซึ่งดูบรรยากาศคล้ายตะวันตก
ความโดดเด่นของลี่เจียงก็คือมีมรดกโลกอยู่รวมกันถึง 3 อย่าง
อันดับแรกคือ เมืองโบราณ เมืองโบราณอยู่ในเขตเมืองลี่เจียง นักท่องเที่ยวสามารถแวะชมชุมชนถิ่นที่อยู่เก่าแก่ของชนเผ่าน่าซี
สถาปัตยกรรมจีนโบราณดูสวยงามกลมกลืน จุดเด่นสำคัญก็คือหน้าบ้านทุกหลังจะมีสายน้ำไหลเวียนผ่านตลอดเวลาไม่มีหยุดนับแต่ก่อตั้งกว่าพันปี
น้ำของเผ่าน่าซีถือเป็นเทพเจ้าที่คนในหมู่บ้านเคารพ จึงทำให้น้ำที่ไหลผ่านใสสะอาดอย่างน่าทึ่ง
ไม่มีใครทิ้งขยะปฏิกูลลงไป ทุกคนใช้น้ำในการประกอบกิจซักล้างทุกอย่าง
ภายในเมืองโบราณจะเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ เพื่อขายสินค้าทุกรูปแบบให้แก่นักท่องเที่ยว
สินค้าพื้นเมืองที่เห็นเด่นชัดก็คือการนำไม้เนื้อเบามาแกะสลักเป็นภาพหมู่บ้านในเมืองโบราณและวิถีชีวิตของชุมชนดูสวยงามยิ่งนัก
อันดับสองที่ยูเนสโก้บันทึกเป็นมรดกโลก ก็คือ มีแม่น้ำ 3 สาย ซึ่งไหลขนานกัน
ได้แก่ แม่น้ำจินซาเจียงไหลไปเซี่ยงไฮ้ แม่น้ำโขงไหลไปเขมร และแม่น้ำหลู่เจียงไหลไปพม่า
ความแปลกประหลาดที่ต้องถูกบันทึกก็คือ แม่น้ำทั้งสามสายไม่สามารถที่จะมาบรรจบกันได้เลย
มีบริเวณใกล้ที่สุดระยะ 60 กิโลเมตร ตรงกลางของแม่น้ำมีภูเขาเหล่าจินกั้นกลางคอยกั้นแม่น้ำสามสาย
อันดับสามก็คือ มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ข้างทะเลสาบหลูกู ซึ่งมีความแปลกประหลาดตรงที่เป็นเป็นหมู่บ้านหญิงล้วน
ไม่มีผู้ชายแม้แต่คนเดียว เด็กๆ จึงไม่มีพ่อ ไม่มีปู่ มีแต่แม่กับยายเท่านั้น
มร.หยาง หยง เลขาธิการทั่วไปนครลี่เจียง เล่าให้ฟังว่า หมู่บ้านนี้มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน เป็นเมืองลับแลของจีนซึ่งผู้หญิงไม่ต้องการให้ผู้ชายเข้ามาอาศัยในหมู่บ้าน หากหญิงใดมีคนที่ตนรักก็สามารถที่จะมีลูกกันได้ ถ้าเป็นลูกผู้หญิงก็จะรับเลี้ยงไว้
ถ้าเป็นผู้ชายก็ยกให้ฝ่ายชาย ซึ่งเป็นคนหมู่บ้านอื่น
"แต่ก็มิใช่ว่า ผู้หญิงในหมู่บ้านจะไปมั่วกับใคร ต้องมีความชอบพอกันด้วย
เพียงแต่ไม่อาศัยอยู่ด้วยกันเท่านั้น"
นอกจากนี้ มร.หยาง หยง อดีตเป็นผู้อำนวยการท่องเที่ยวลี่เจียงบอกว่า ยังมีมรดกโลกที่เรียกว่าเป็นมรดกทางจิตใจ
ที่ไม่ใช่วัตถุนั่นคือ ขนบประเพณีวัฒนธรรมของชนเผ่าน่าซี และที่สำคัญภาษาของน่าซีอันเก่าแก่กว่าพันปี
ใช้ภาพวาดเป็นอักษรสัญลักษณ์เหมือนภาษาฮีโรกลิฟิกของอียิปต์ ยังอนุรักษ์ไว้จนบัดนี้
ใครที่ต้องการดูประเพณีดังกล่าวดูได้ในเมืองโบราณ เพราะมีการแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมทุกคืน
เดินชมเมืองและชอปปิ้งร้านค้าต่างๆ ทั้งภายในและนอกเมืองโบราณเรียบร้อยแล้ว
รุ่งขึ้นก็เตรียมตัวไปเล่นหิมะ
จากตัวเมืองนั่งรถมุ่งตรงไปยังเทือกเขามังกร (จู่หลง) ใช้เวลาประมาณ 20
นาที ก็ถึงภูเขามังกรสูง 4,500 เมตร มีหิมะปกคลุมตลอดปี
สำหรับเทือกเขามังกร มีพืชพรรณสมุนไพรมากมาย ที่โดดเด่นก็คือ ชาลี่เจียง
เป็นชาที่ดื่มแล้วช่วยบำบัดโรคภัยในร่างกาย ไม่ว่าจะลดน้ำตาลในเลือด บำรุงไต
เป็นต้น
ทำให้ชาจากลี่เจียงเป็นที่นิยมของชาวจีนและนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ชาลี่เจียงยังถูกซูสีไทเฮาเลือกให้นำไปถวายอีกด้วย
ปัจจุบันลี่เจียงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 3.1 ล้านคน เป็นชาวต่างประเทศ
เพียง 1.4 คน นอกนั้นเป็นคนจีนด้วยกันจากมณฑลต่างๆ
แม้แต่คนปักกิ่งเองก็ยังใฝ่ฝันว่าจะต้องมาลี่เจียงสักครั้ง...