บอร์ดเจนโก้อนุมัติตั้ง 4 บริษัทย่อยพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้างและรีไซเคิล
โดยจะหันมาพัฒนาต่อยอดคอนโดฯเอ็นพีแอลที่อยู่ในมือบสท. เผยอยู่ระหว่างการเจรจา
2-3 ราย คาดสรุปผลในเร็วๆนี้ ส่งผลให้มีรายได้ทั้งปีโตขึ้นเท่าตัวแตะ 1 พันล้านบาท
นายอัศวิน วิภูศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทบริหารเพื่อการพัฒนาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
จำกัด(มหาชน)(GENCO)หรือเจนโก้ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารที่มีนายเผด็จภัย
มีคุณเอี่ยม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานวานนี้(19 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยอีก
4 บริษัท คือ1. บริษัทเจนโก้ดีเวลลอปเมนท์ 2. บริษัทเจนโก้เอ็นจิเนียริ่ง 3. บริษัทเจนโก้
Laboratory หรือ GL 4. บริษัทเจนโก้รีไซเคิล ภายหลังจากบอร์ดมีมติอนุมัติให้บริษัทฯขยายธุรกิจสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้
โดยบริษัท เจนโก้ ดีเวลลอปเมนท์ มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท จะดูแลบริหารการพัฒนาธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์
โดยตั้งเป้าหมายแรกในการพัฒนาคอน-โดมิเนียมเก่าที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
( NPL) และถูกโอนไปไว้ในบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ซึ่งขณะนี้เจรจาอยู่ 2-3
รายเพื่อนำมาพัฒนาต่อยอด คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้
โครงการพัฒนาคอนโดมิเนียมระยะแรกจะอยู่บริเวณเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเน้นลูกค้าระดับกลาง
หลังจากนั้นบริษัทฯจะมองการพัฒนานิคมอุต-สาหกรรม ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาสรรหาพื้นที่ที่เหมาะสม
ส่วนการก่อสร้างจะให้บริษัทเจนโก้ เอ็นจิเนียริ่ง ที่มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาทเป็นผู้ดำเนินการ
นายอัศวิน กล่าวว่า ในปีนี้ ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์จะกลาย เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับเจนโก้
ใกล้เคียงกับธุรกิจรับจ้างกำจัดกาก อุตสาหกรรม หากประเมินในเบื้องต้นคาดว่าจะมีรายได้ในปีนี้รวม
1,000 ล้านบาท ซึ่งรวมรายได้ จากการกำจัดกาก 400-500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจด้าน
อสังหาฯจะเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจและอาจสร้างกำไรให้กับบริษัทฯ แต่ธุรกิจรับจ้างกำจัดกากอุตสาห-กรรมก็ยังคงเป็นธุรกิจหลัก
และไม่มีการปรับตัวย้ายออกจากกระดานตลาดหลักทรัพย์ไปอยู่ในกระดานหุ้นประเภทอสังหาริมทรัพย์แน่นอน
ส่วนอนาคตบริษัทลูกอาจจะเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
นายอัศวินกล่าวว่า ส่วนอีก 2 บริษัทลูกคือบริษัท GL มีทุนจดทะเบียน 15 ล้านบาท
จะทำธุรกิจเกี่ยวกับการวิเคราะห์กากอุตสาห-กรรม เพราะเจนโก้มีห้องแล็บที่ทำ งานด้านนี้อยู่แล้ว
ซึ่งจะเป็นการบริการทั่วไป และบริษัทรีไซเคิล มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท จะทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำกากมาแยกแล้วรีไซเคิล
ซึ่งทั้งสองบริษัทจะเป็น การเสริมฐานการกำจัดกากของเจนโก้
"ที่ผ่านมา เจนโก้ไม่แตกไลน์ธุรกิจทำให้ไม่เติบโต แต่ปีนี้คาดว่าบริษัทฯจะโตเป็นเท่าตัว
และกรณีที่เราหันไปทำธุรกิจด้านอสังหาริม-ทรัพย์ด้วยการมองการต่อยอดคอนโดมิเนียมเก่า
เน้นเจาะตลาดคนซื้อรายได้ระดับปานกลาง เพราะเห็นว่าจะเป็นธุรกิจที่ทำรายได้เร็วกว่าการที่เราจะพัฒนาเองตั้งแต่เริ่มต้นเลย
แต่ต่อไปอนาคตก็จะทำเองเลยก็ได้" นายอัศวินกล่าว
การตัดสินใจ แตกไลน์ เนื่องจาก ธุรกิจการกำจัดกากอุตสาหกรรมทวีความรุนแรงขึ้น
ดังนั้นการพึ่งพารายได้จากการกำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างเดียวคงจะลำบาก ทำให้เจนโก้หันมาร่วมมือ
กับปูนซิเมนต์ไทย ในการใช้โรงปูนเผาขยะอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตราย และหันไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจรีไซเคิลหรือนำขยะกลับมาใช้ใหม่