ป้ายโฆษณา Apps world หลังรถม้า ใจกลางเมืองนิวออร์ลีนส์ ทำให้เมืองที่ได้ชื่อว่าวัฒนธรรมเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา
เข้าใกล้กับความเป็นไปของโลกสมัยใหม่อย่างช่วยไม่ได้
เสียงหวานปนเศร้าของแซกโซโฟนที่นักดนตรีผิวดำเป่าริมทางเดินเพื่อแลกกับเศษสตางค์
ยังคงกรุ่นอยู่ในความรู้สึกของผู้คนที่เคยย่ำอยู่บนถนน France Quarter แหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ของนิวออร์ลีน
หากใครได้ไปถึงเมืองนิวออร์ลีนส์ แล้วไม่ได้ฟังดนตรี jazz หรือ ไม่ได้
ลิ้มรสชาติของ poboy แซนด์วิชไก่ทอดเนื้อนุ่มอันโต หรือแม้แต่ จัมปายา ข้าว
ราดซอสปรุงรสตามสูตรของชนพื้นเมืองที่นี่ ก็อาจเรียกได้ว่ายังมาไม่ถึงนิวออร์ลีนส์
นิวออลีนส์เป็นเมืองขนาดเล็กเก่าแก่ ติดแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ รัฐลุยเซียน่า
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนใหญ่ของเมืองนี้มาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เสน่ห์ของ
เมืองนี้อยู่ที่วัฒนธรรมความเป็นท้องถิ่นของที่นี่ ที่ชาวเมืองพยายามรักษาเอาไว้
ไม่ว่าจะเป็นดนตรี รูปแบบ หรือวิถีชีวิต และนี่เองทำให้นิวออร์ลีนส์กลายเป็นเมืองแห่งสัญลักษณ์ที่มีเสน่ห์ในตัวเอง
ยิ่งเมื่อเทียบกับความทันสมัย ที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าของเมืองนิวยอร์กด้วยแล้ว
วันที่เดินทางไปถึงเมืองนิวออร์ลีนส์ เป็นช่วงเดียวกับเทศกาล Mardi Gras
ขบวนพาเหรดอันลือชื่อ บ้านเมือง และผู้คนของนิวออร์ลีนส์ ในช่วงนั้นจึงถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของเทศกาล
เทศกาล Mardi Gras ของชาวเมืองนี้ มีขึ้นในปี ค.ศ.1872 โดยได้ รับอิทธิพลมาจากเมืองฟิลาเดลเฟีย
เมืองทางตอนใต้ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเทศกาล ในสหรัฐอเมริกา และฟิลาเดลเฟียนี้ก็ได้รับอิทธิพลมาจากชาวยุโรปอีกต่อหนึ่ง
จุดเริ่มต้นที่ทำให้เทศกาล Mardi Gras กลายเป็นงานยิ่งใหญ่ประจำปีของเมืองนิวออร์ลีนส์
มาจากสมาคม REX ริเริ่มจัดงานใหญ่ขึ้นมา เพื่อต้องการหารายได้จากการท่องเที่ยวมาใช้ในการขยายเมือง
เพราะเวลานั้นนิวออร์ลีนส์กำลังอยู่ระหว่างขยายตัว
เทศกาล Mardi Gras ของชาวเมืองนี้จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างไปจากคาร์นิวัลอื่นๆ
และกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ตรงที่มีการแจกสร้อยลูกปัด เป็นของกำนัล
ที่บรรดาขบวนรถพาเหรดหยิบยื่น (จริงๆ แล้วโยน) ให้กับผู้เข้าชมบนท้องถนน
ในอดีตหญิงสาวคนใดที่อยากได้สร้อย ลูกปัด หรือเมื่อได้รับลูกปัดแล้วจะต้องเปิดเสื้อ
ให้ดูหน้าอกเป็นการแลกเปลี่ยน แต่มาในระยะ หลังประเพณีนี้ต้องเลิกไป เพราะตำรวจตั้งข้อหาอนาจาร
ครั้งแรกของการจัดเทศกาล Mardi Gras ใช้สำหรับต้อนรับกษัตริย์ของรัสเซียและ
นี่เองทำให้มีเรื่องบอกเล่าเกี่ยวกับสีประจำเทศกาล ทั้ง 3 สี คือ เขียว ทอง
และม่วง มาจากความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ และพลกำลัง เพลงที่ใช้ในเทศกาลในช่วงแรกๆ
จึงเป็นเพลง ชาติของรัสเซีย ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นเพลงพื้นเมืองของนิวออร์ลีนส์
แต่งและร้องโดย Lydia thompson ได้ชื่อว่าต้นตำรับ jazz คนหนึ่ง และได้ถูกดัดแปลงใหม่อีกครั้งโดย
ออกัสเต้
สิ่งที่อยู่คู่กับเทศกาล Mardi Gras ก็คือ สองข้างทางของถนน France Quarter
ที่ยังคงความเป็น เมืองเก่าแก่ และมีเสน่ห์ทำให้เมืองนี้แตกต่างออกไป ภาย
ใต้กลิ่นอายของเทศกาลรื่นเริง ป้ายโฆษณา Apps world บนหลังรถม้าชมเมือง ทำให้โลกของวัฒนธรรมเก่าแก่
เข้าใกล้กับความเป็นไปของโลกสมัยใหม่อย่างช่วย ไม่ได้
สำหรับงาน Apps World ที่ออราเคิลเป็นเจ้าภาพพาไปถึงเมืองนิวออร์ลีนส์
เพื่อเข้า ชม application ต่างๆ ของออราเคิล จึงเต็มไป ด้วยกลิ่นอายของเทศกาล
Mardi Gras เป็นการ ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมกับพัฒนา การของเทคโนโลยีสมัยใหม่
ไฮไลต์ที่สำคัญของการจัดงาน Apps world ของออราเคิลในปีนี้ ยังคงอยู่ที่การที่ออราเคิลสามารถประหยัดเงินได้
1 พันล้านเหรียญในช่วงสิ้นปี 2000 ที่ผ่านมา และที่สำคัญ เป็นผลมาจากการปฏิรูปธุรกิจให้เป็น
e-busi-ness กรณีศึกษาที่ยังใช้ได้ดีกับออราเคิล
แลรี่ เอลลิสัน ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยกตัวอย่าง การที่ลูกค้าที่ต้อง
การสั่งซื้อสินค้า หรือมีปัญหาเรื่องใดก็ตามจะ สามารถใช้อีเมล ระบบจะบันทึกรายละเอียด
และส่งไปให้ผู้รับผิดชอบ นอกจากออราเคิลจะประหยัดต้นทุนในการที่ต้องมีพนักงานให้บริการแล้ว
ยังประหยัดเวลาลงได้มหาศาล ข้อ มูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกต่อหนึ่ง
เป็นส่วนหนึ่งของการให้พนักงานและลูกค้า ใช้ข้อเสนอบริการตนเอง ด้วยการหันมาใช้ประโยชน์จากเว็บไซต์
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายขายต้องจัดทำรายงานแสดงยอดค่าใช้จ่ายนำเสนอไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อรออนุมัติ
เวลานี้พวกเขาเพียงแต่กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มที่แสดงบนเว็บ ข้อมูลจะถูกดึงไปใช้ได้
และทำให้ออราเคิลประหยัดเงินได้มากกว่า 6 ล้านเหรียญ
"เมื่อก่อนคนถามผมว่า ออราเคิลมีพนักงานทั่วโลกเท่าไร ผมบอกไม่รู้ แลรี่อธิบาย
แต่วันนี้ ผมตอบได้ทันทีว่ามี 41,320 คน" แลรี่ ยกตัวอย่างให้ฟังในงานสัมมนา
คำกล่าวเช่นนี้ของแลรี่เพื่อต้องการอธิบายถึงนโยบายบริการตนเองของออราเคิล
ที่มาจากมาตรการรวมศูนย์ ด้วยการดึงส่วนงานบริหาร บุคคล กฎหมาย ฝ่ายสนับสนุน
ฝ่ายขาย การตลาด และ ทุกอย่างออกจากสำนักงานของแต่ละประเทศ จากนั้นจับทั้งหมดมารวมกันที่
เรดวู้ด ชอร์ สำนักงานใหญ่ของ ออราเคิล ทำให้ออราเคิลประหยัดเงินได้ 50 ล้านเหรียญ
สหรัฐ มาร์ก จาร์วิส เอสวีพี vice president & Chief Marketing Officer,
Worldwide Market- ing อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า สินค้าของออราเคิล จากเดิมที่มี
140 ระบบทั่วโลก จะกลายมาเป็น สินค้าราคาเดียวบนร้านค้าออนไลน์ของออราเคิล
คือ oracle.com จึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ออราเคิลจะต้องมีฝ่ายการตลาดแยกกันเพื่อดูแลสินค้าแต่ละอย่าง
ซึ่งทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงเกินความจำเป็น จากการทำงานซ้ำซ้อน
"บางครั้งมันยังเกิดผลลบต่อยี่ห้อออราเคิลอีกด้วย" มาร์ค จาร์วิส บอกกับผู้เข้าฟังสัมมนา
เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งเว็บไซต์ของออราเคิล ในอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ไม่ได้แตกต่างกันในเรื่อง
ของภาษาเท่านั้น แต่การใช้สีและโลโกก็จะไม่เหมือนกัน ผลที่เกิดขึ้นก็คือ
สื่อความผิดแปลกไป และสุดท้ายคือการสูญเสียงบประมาณ
มาตรการรวมศูนย์ของออราเคิล ลด เว็บไซต์ จาก 63 เว็บไซต์ในทั่วโลกเหลือเพียง
17 เว็บไซต์ ในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว และในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ออราเคิลเหลือเว็บไซต์เดียว
คือ Oracle.com เช่นเดียวกับการทำงานของ e-mail ซึ่งแต่เดิมออราเคิลเคยมีเครื่องแม่ข่าย
server ที่ต้อง รองรับกับการใช้อีเมล 17 เครื่อง และฐานข้อมูลเกือบ 120 แห่งใน
50 ประเทศทั่วโลก พนักงาน 500 คนคอยดูแลระบบ ทุกวันนี้ออราเคิลเหลือเพียงแค่
2 เครื่อง ฐานข้อมูล 4 ฐานและพนักงาน 100 คน ทำให้ออราเคิลประหยัดเงิน 11
ล้านเหรียญ จากการให้ผู้จัดการของแต่ละประเทศ เลือกใช้อีเมลฟรี จากสำนักงานเรดวู้ด
ชอว์ หรือจะใช้อีเมลจาก server ของตัวเองในประเทศแล้วต้องจ่ายค่าธรรมเนียมตามเวลาที่ต้องใช้
แต่สิ่งที่ออราเคิลต้องการบอกมากไปกว่านั้น ก็คือ สาเหตุที่ทำให้ออราเคิลประหยัดเงินได้ถึง
1 พันล้านเหรียญจากประสิทธิภาพ การทำงานที่ดีขึ้น และมีแผนจะลดอีก 2 พันล้านเหรียญในปีนี้
มาจากการใช้แอพพลิเคชั่น e-business suite ของออราเคิลเอง
ความคาดหวังของออราเคิล จึงอยู่ที่บรรดาเจ้าของกิจการทั้งหลาย จะนำเอาเทคโนโลยีของออราเคิลมาปฏิรูปธุรกิจของตัวเอง
เหมือนอย่างที่ออราเคิลทำสำเร็จมาแล้ว
ทว่า ออราเคิล อยู่ระหว่างการต่อสู้กับแนวคิดดั้งเดิม ที่ผู้ใช้มัก นิยมเลือกใช้แอพพลิเคชั่นจากผู้ผลิตเด่นๆ
ที่มีความชำนาญแตกต่างกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ ออราเคิลกำลังทำอยู่ในเวลานี้
ในการพัฒนา Oracle Suite11 ออกสู่ตลาด เพื่อต้องการรวมเอา แอพพลิเคชั่นที่เคยทำงานแยกจากกัน
ให้สามารถ ทำงานร่วมกันได้ นั่นหมายความว่า ลูกค้าจะสามารถใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆ
ไม่ว่าจะเกี่ยวกับงานขาย ระบบ crm ระบบซัปพลายเชนแมเนจ เมนต์ระบบการสั่งซื้อ
และระบบฐานข้อมูล ได้จาก ออราเคิลเพียงรายเดียว
"แต่คุณต้องห้ามไปเปลี่ยนแปลงมัน" คำกล่าวที่ แลรี่พยายามบอกกับผู้ฟังในงาน
Apps World หาก จะใช้ให้ได้ผลนั่นหมายความว่า จะต้องใช้แอพพลิเคชั่นทั้งหมดของออราเคิล
ไม่ใช่การเอาแอพพลิเคชั่นของยี่ห้อต่างๆ มาผสม
สิ่งที่ผู้ผลิตเทคโนโลยีมักเจอคำถามอยู่บ่อยๆ ก็ คือ อนาคตของธุรกิจจะเป็นอะไร
สำหรับออราเคิลแล้ว สิ่งที่เขาเจอ ก็คือ จากฐานข้อมูลมาสู่การ เป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นแล้ว
อนาคตจากออราเคิล คืออะไร หลังจากที่ลดต้นทุนได้แล้ว
คำตอบก็คือ ออราเคิลนั้นกำลังอยู่ระหว่างข้อต่อ ของความพยายามที่จะก้าวจากอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์
ไปสู่อุตสาหกรรมบริการ
แลรี่ และผู้บริหารของออราเคิล เชื่อว่า บริษัทส่วนใหญ่จะไม่ซื้อคอมพิวเตอร์ของตนเอง
และไม่จ้างพนักงานมาดูแลแผนกคอมพิวเตอร์ แต่พวกเขาจะหันมา ซื้อระบบอัตโนมัติบนอินเทอร์เน็ต
หรือบริการจาก ASP และนี่คือ คำตอบว่า ทำไมออราเคิลจึงทำให้ e-business suite
โปรแกรมที่ออราเคิลพัฒนาขึ้นมาทำงานอยู่บนแม่ข่าย (host) ของออราเคิลเอง
และที่สำคัญออราเคิลจะเป็นผู้ให้บริการรายนั้น