TKS ทุ่มกว่า 160 ล้านบาท สร้างออโต้ แวร์เฮ้าส์แห่งใหม่ รองรับการเติบโตของธุรกิจไอที
โดยจะเพิ่มทุนในซินเน็คฯ ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 50% เล็ง Mailing Statement เพิ่มรายได้
ปีนี้ตั้งเป้าโตไม่ต่ำกว่า 40-50 % ขณะที่ปี 48 ยอดขายสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท พร้อม
จ่ายปันผลหุ้นละ 20 สตางค์
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการ บริษัท ทีเคเอส เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
(TKS) เปิดเผยผลการดำเนินงานกลุ่มของ ปี 46 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 63.2 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 47.78% จากงวด เดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีรายได้รวม 6,540 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม
4,870 ล้านบาท คิดเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้น 35% โดยผลกำไร ที่ก้าวกระโดดส่วนใหญ่มาจากการรับรู้รายได้จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
41 แบรนด์ทั่วโลก
สำหรับปีนี้ บริษัทมั่นใจว่า จากภาพรวมของเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มโตสูงขึ้น
ให้ทุก ธุรกิจ รวมถึงธุรกิจไอทีที่รัฐออกมา ให้การสนับสนุนในการที่หน่วยงาน ภาครัฐนำอุปกรณ์ไอทีและคอมพิว-เตอร์เข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น
จึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะหนุนให้การดำเนินงานของบริษัทเติบโตต่อเนื่อง ไปเช่นกัน โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ากำไร
สุทธิโตไม่ต่ำกว่า 45% จากปี46 พร้อมตั้งเป้ายอดการเติบโตไม่ต่ำกว่า 2,800 ล้านบาท
และจะจ่ายเงิน ปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 20 สตางค์ พร้อมปิดสมุดจดทะเบียนพักการซื้อหุ้นในวันที่
7 เมษายน 46
นายสุพันธุ์กล่าวว่า ปี 47 บริษัทจะใช้เงินเพื่อลงทุนในการสร้างออโต้ แวร์เฮ้าส์
เพื่อรองรับการ เป็นตัวแทนในการจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ที่หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งการที่จะนำสินค้าเข้ามาเก็บไว้ในคลังสินค้าด้วย
และมีการระบายสินค้าออกอย่างมีระบบ โดย เงินที่จะใช้ในการขยายงานดังกล่าว จะได้จากการเพิ่มทุนของบริษัท
ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่ง TKS ถือหุ้นอยู่ 50% ด้วยการที่ ซินเน็คฯ จะเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก
340 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท หรือเพิ่มทุนใหม่ 160 ล้านบาท ซึ่งเงินที่จะเพิ่มทุนนั้น
TKS จะลงทุน กับซินเน็ค(ไต้หวัน) ฝ่ายละ 50%
นอกจากนี้ ยังจะเปิดสาขาตัวเพิ่มอีก 2 แห่งจากเดิมที่มีสาขา ที่เปิดอยู่แล้ว
12 แห่ง โดยจะเปิดสาขาใหม่ที่นครสวรรค์และราชบุรี ขณะที่ในกรุงเทพฯ จะเปิดที่พันธุ์ทิพย์และเซียร์รังสิต
จากการเติบโต อย่างต่อเนื่อง นายสุพันธุ์มั่นใจว่าบริษัทจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
โดยบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษางานใหม่ๆ ที่ต่อเนื่องกับธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ เช่น
การพิมพ์ใบสลิปเงินเดือนที่อาจทำสำเร็จรูปลงรายละเอียดทั้งหมดให้เสร็จสรรพในตัว
นายสุพันธุ์กล่าวว่า การบริหารในการจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น บริษัทจะกำหนดว่าไม่เกิน
3 สัปดาห์เพื่อระบายสินค้าในสต็อก ทำให้บริษัทจะมีสินค้า คงคลังเหลือเฉลี่ยไม่เกิน
500 ล้านบาท เพื่อเป็นการป้องกันความ เสี่ยงเรื่องราคาจำหน่าย ซึ่งเมื่อเทียบกับบริษัทที่ทำธุรกิจเดียวกันแล้วถือว่าดีที่สุดในการควบคุมสินค้าในสต็อก
เพราะหากผู้ผลิตจะเลิกผลิตสินค้ารุ่นไหน ก็จะมีการบอกเตือน ขณะที่บริษัทเร่งจำหน่ายสินค้าออกจากสต็อกให้มากที่สุด
นอกจากนี้ บริษัท ยังศึกษาที่จะเข้าไปทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม
กัมพูชา เขมร เป็นต้น หลังจากปีนี้ไป บริษัทจะมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 2-3%
โดยการเข้าไปจะเป็นการทำสลิปเงินเดือนพนักงาน หรืออื่นๆ ที่มีกระดาษเข้ามาเกี่ยวข้อง
ขณะที่ในประเทศ TKS จะเน้นการทำไอทีเป็นหลัก เพราะการเติบโตในธุรกิจนี้ยังมีสูงมาก
ส่วนการลงทุนในต่างประเทศไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพียงแต่เข้าไปหาลูกค้า เพื่อสำรวจตลาดว่ามีความต้องการมากน้อยเพียงใด
ก่อนที่ จะเข้าไปเปิดสาขาอย่างเต็มตัว โดย ไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาล
สำหรับ ซินเน็คฯ ที่มีทุนจดทะเบียนเพียงพอต่อความต้องการในการเข้าจดทะเบียนในตลาด
หลักทรัพย์นั้น แต่ได้รับการยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะนำซินเน็คฯ เข้าจดทะเบียนในตลาด
หลักทรัพย์ เพราะผู้ถือหุ้นไต้หวันมองว่า พีอีของตลาดเมืองไทยซึ่งอยู่ระหว่าง 10-13
เท่า นั้นยังถูก ไม่ เหมาะกับการลงทุน แต่หากพีอีไปที่ระดับ 20 เท่า ไต้หวันจะให้ความสนใจที่จะกระจายหุ้น
อย่างไรก็ตาม TKS ยังรับรู้รายได้หลักมาจากซินเน็คฯ คือ 90% จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์
ส่วนรายได้จากธุรกิจสิ่งพิมพ์คือ แบบพิมพ์ธุรกิจ กระดาษสำนักงานและแบบพิมพ์ธุรกิจปลอดการทำเทียมนั้น
บริษัทมีรายได้จากส่วนนี้เพียง 10% เท่านั้นและในอนาคตรายได้จากส่วนนี้จะโตขึ้น
แต่สัดส่วนรายได้จะยังคงเป็นเช่นเดิม เนื่องจากรายได้จากการจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องคอมพิวเตอร์ยังโตแบบก้าวกระโดดเช่นกัน
ปัจจุบัน TKS มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน( D/E RATIO) ที่ประมาณ 3 เท่า และบริษัทจะควบคุมไม่ให้
4 เท่า เพราะในส่วน การเพิ่มทุนของซินเน็คฯ นั้น หากเงินไม่พอต่อการสร้างออโต้
แวร์ เฮ้าส์ บริษัทก็ต้องกู้เงินเพิ่มอีก พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการออกหุ้นกู้แน่นอน
เพราะภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในตลาดต่ำ ออกหุ้นกู้ในปีหน้าก็ยังสามารถทำได้
นายสุพันธุ์กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะทำธุรกิจ Mailing Statement
ที่เป็นระบบอัตโนมัติ คาดว่าจะเห็นเป็นรูปร่างได้ไตรมาส 2 ปีนี้ ขณะที่การสร้างออโต้
แวร์เฮ้าส์ จะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 3 แล้วเสร็จต้นปี 48 เมื่อคลังสินค้านี้เสร็จสิ้น
จะทำให้มีที่เก็บสินค้าได้มากขึ้น ขณะที่ธุรกิจนี้มีการเติบโตต่อเนื่อง นายสุพันธุ์จึงมั่นใจว่า
TKS จะมียอดขายก้าวกระโดดในปี 48 โดยคาดว่าจะสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่รายได้จากธุรกิจแบบพิมพ์ก็โตเช่นกัน