Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน16 กุมภาพันธ์ 2547
ชาญอิสสระกรุ๊ป เปิดแผนลงทุนสร้างอาณาจักรธุรกิจ 3 พันล้าน             
 


   
search resources

ชลประทานซีเมนต์, บมจ.
ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์, บมจ.
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บางกอก
สงกรานต์ อิสสระ
Real Estate




เปิดแผนลงทุน กลุ่มชาญอิสสระ ตั้งเป้ารุกตลาดบ้านเดี่ยว คอนโดมีเนียม และรีสอร์ต เน้นบริหารสัดส่วนรายได้จากค่าเช่าและดูแลบริหารโครงการ 20-30% รวมกับรายได้จากการขาย 80% ชี้โอกาสลงทุนในธุรกิจผลิตวัสดุก่อสร้างพรีแฟบ จากโอกาสธุรกิจก่อสร้างสำเร็จรูปเติบโต พร้อมเตรียมพัฒนาอีก 4-5 โครงการใหม่ หวังทำยอดขายรวม 2,000-3,000 ล้านบาทใน 5 ปี

ประกาศรุกทุกตลาด

นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CID เปิดเผยถึงทิศทางการตลาดของกลุ่มว่า แนวทางการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มจะเน้นพัฒนาโครงการให้ครอบ คลุมทุกตลาด ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม และรีสอร์ต โดยปี 2547 ได้พัฒนาใน 3 โครงการหลัก คือ โครงการศรีพันวา จังหวัดภูเก็ต โครงการพักอาศัยสำหรับ ชาวต่างชาติ, โครงการคอนโดมิเนียม-โลว์ไรส์ บ้านเพลินทะเลที่ชายหาดชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และโครงการบ้านอิสสระพระราม โครงการทั้งหมดเน้นการออกแบบทันสมัย เจาะตลาดเป้าหมายระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง

ส่วนโครงการรีสอร์ตและคอนโดมิเนียม เน้นทำเลที่มีศักยภาพ กับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงทั้งชาวไทยและต่างชาติ ขนาดกลาง และต้องการปิดการขายเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงในการบริหารด้านการก่อสร้างและการตลาด เพิ่มโอกาสการสร้างยอดขายให้เร็วยิ่งขึ้น

โครงการบ้านอิสสระพระราม 9 มีจำนวน 60 ยูนิต ระดับราคา 16-30 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท มีการพัฒนาในส่วน ของบ้านสั่งสร้างและบ้านสร้างเสร็จก่อนขายอย่างละ 50% พัฒนาตลาดกลาง-ล่างลดความเสี่ยง

นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทต้องกลับมาพิจารณาถึงตำแหน่งทางการตลาด และรูปแบบการบริหารงานใหม่ ครั้งนี้พบว่า การพัฒนาโครงการที่เป็นบ้านเดี่ยวจะช่วยลดความเสี่ยงได้ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องพัฒนาให้แล้วเสร็จทั้งโครงการก่อนขาย ขณะที่กลุ่มระดับกลางถึงบนมีกำลังซื้อสูงในภาวะดอกเบี้ยต่ำ การทำงานจะต้องพัฒนาไม่เกิน 2 ปีต่อหนึ่งโครงการเพื่อลดระยะเวลาการสร้างรายได้ให้เร็วขึ้น

จากแนวทางที่ทำมาถือว่าคลำถูกทางแล้ว เพียงแต่ในอนาคตจะต้องมีการพัฒนาสินค้าในระดับราคาที่ต่ำลง สำหรับตลาดในระดับกว้าง (Mass Market) สร้างขนาดตลาดให้กว้าง เน้นปริมาณให้มากขึ้นแม้ว่าจะมีมาร์จินน้อยกว่าบ้านระดับบน ที่มีมาร์จินอยู่ประมาณ 25% ทั้งนี้ เพื่อสร้างสัดส่วนของรายได้จากการขายให้สมดุลกัน

บริหารรายได้เช่า-ขาย

ในส่วนของอาคารสูง เราเน้นพัฒนา อาคารสูงเชิงพาณิชย์ แต่การพัฒนาอาคารสูงต้องใช้ระยะเวลาการก่อสร้างนานและงบประมาณลงทุนแต่ละอาคารจำนวนมาก เพื่อป้องกันความเสี่ยง บริษัทจึงตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท

จุดเด่นของการตั้งกองทุนรวมฯ ขึ้นมา เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างรายได้จากค่าเช่า เฉลี่ยผลตอบแทน 7-8% ต่อปี เป็นกองทุนฯ ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้ามาถือหุ้น ซึ่งให้ผลตอบแทนระยะยาว ปัจจุบันบริษัทถือหุ้น 33% บริษัทธุรกิจประกันภัย จำนวน 30% นักลงทุนรายย่อย 30% ที่เหลือเป็นการถือหุ้นในนามส่วนตัว

แนวทางการลงทุนของกองทุนรวมฯ เน้นซื้ออาคารสูงเชิงพาณิชย์ไว้เป็นทรัพย์สินของกองทุน ปัจจุบันมีตึกชาญอิสสระ 1 และ 2 อยู่ในกองทุนอสังหาริมทรัพย์บางกอก และได้ขยายไปสู่การเช่าอาคารของกลุ่มชลประทาน ซีเมนต์ด้านข้าง จำนวน 5,000 ตารางเมตร เพื่อตกแต่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าแห่งใหม่

ปัจจุบัน อาคารชาญอิสสระ 1 มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 290 บาทต่อตารางเมตร ส่วนอาคารชาญอิสสระ 2 มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 250 บาทต่อตารางเมตร ทั้ง 2 อาคารมีการเข้าใช้พื้นที่เฉลี่ย 90%

(การบริหารความเสี่ยงที่วางไว้ ทั้งกองทุนฯ แรก และที่มีแนวโน้มจะจัดตั้งในอนาคต นอกจากจะช่วยสร้างรายได้จากการเช่าพื้นที่ให้กับบริษัทแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับหากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งหน้า โดยวางสัดส่วนรายได้จากการเช่าและบริหารโครงการไว้ที่ 20% และจะปรับเพิ่มเป็น 30% ในอนาคต กับรายได้จากการขายอีกประมาณ 80%)

ในอนาคต มีแนวโน้มที่จะจัดตั้งกองทุน รวมอสังหาริมทรัพย์อีก 1 กอง เพื่อบริหารสินทรัพย์ สัดส่วนรายได้สำหรับโครงการอพาร์ตเมนต์ และเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์

"จากเป้าหมายที่วางไว้ ในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า บริษัทจะต้องมีโครงการพัฒนาใหม่ ประมาณ 5 โครงการ ในจำนวนนี้จะกระจายประเภทของสินทรัพย์ตามภาวะตลาด เมื่อรวมกับ 4-5 โครงการในปัจจุบัน และสินทรัพย์ในกองทุนรวมฯ จะทำให้มียอดขายประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท เมื่อเทียบผลกำไร ผลตอบแทนจากการลงทุน และยอดขายแล้ว จะสามารถสู้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ได้" นายสงกรานต์ กล่าว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us