การหางานหรือเปลี่ยน งานในภาวะปัจจุบัน เป็นเรื่อง ไม่ง่ายนัก แม้ว่าจะมีประกาศ
โฆษณาตามหน้าหนังสือพิมพ์ ต่างๆ รับสมัครงาน แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วงานที่เราคิด
ว่า เหมาะกับเรา อาจจะไม่เหมาะในสายตาของผู้รับหรือ ในทางกลับกันพบได้บ่อยๆ
ว่างานที่เราไม่ตั้งใจจะทำ เรียกว่าสมัครไปงั้นๆ กลับได้ขึ้นมา ความไม่ลงตัวเหล่านี้ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต
ผมเคยได้ฟังหญิงสาวท่านหนึ่ง ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะกับงานประเภทที่ต้องอาศัยความรู้ทางด้านภาษาต่างประเทศ
เธอไปสัมภาษณ์งาน ที่บริษัทข้ามชาติของไทยแห่งหนึ่งซึ่งว่ากันว่ามีการลงทุน
ในจีนเป็นมูลค่ามหาศาลและตำแหน่งงานนั้นต้องการคนที่มีความรู้ทางด้านการบริหาร
และเชี่ยวชาญภาษา อังกฤษกับภาษาจีน
สิ่งที่เธอพบจากคนสัมภาษณ์ก็คือ การเริ่มต้นสัมภาษณ์ว่า ตามใบสมัคร คุณเองมีความรู้เรื่องภาษาจีนดี
ส่วนภาษาอังกฤษนั้น คุณเรียนจบโท ภาษาก็คง จะดีอยู่แล้ว ผมคิดว่าจะไม่ถามคุณทั้งสองเรื่อง
เอาเป็น ว่าเราคุยกันด้วยภาษาไทย และไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุณเรียนมาก็แล้วกัน
แถมท้ายตอนจบการสัมภาษณ์จากคนสัมภาษณ์ด้วยประโยคว่า คุณมีความสามารถเกินกว่าตำแหน่งงานของเรา
คุณลองไปหางานที่อื่นที่เหมาะกับตัวคุณดีกว่า
เจอแบบผิดคาดอย่างนี้ทำเอาคุณสุภาพสตรีท่านนี้ซึมไปเลย
ความไม่ลงตัวเช่นนี้ ไม่ได้เป็นเหตุผลที่เราจะไม่ คาดหวังกับการสมัครงาน
แต่ยิ่งเป็นการชี้ให้เห็นว่า การสมัครงานแต่ละครั้ง เป็นเรื่องที่จะต้องมีการ
เตรียมตัวให้ดีที่สุด เพื่อว่าส่วนที่ผิดความคาดหมาย จะได้น้อยที่สุด แต่คงต้องยอมรับว่าคนสัมภาษณ์บางครั้งก็อาจจะไม่ได้ฉลาด
หรือเก่งกว่าคนถูกสัมภาษณ์
ในเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ มีบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเตรียมตัวในการไปรับการสัมภาษณ์เข้าทำงาน
ไม่คิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์ กับบรรดามนุษย์เงินเดือนทั้งหลายในช่วงคิดใหม่ทำใหม่ของเศรษฐกิจยุคขาลง
จึงเก็บมาฝากท่านผู้อ่าน แน่นอนว่าคนที่ภาษาอังกฤษดี และเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว
น่าจะไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
เขาเสนอว่าหลักการทั่วไปในการเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ที่ดี คือ การสร้างความประทับ
ใจที่ดีกับผู้สัมภาษณ์ ซึ่งสิ่งดีจะเกิดขึ้นได้ หากเขารู้สึกว่าคุณมีการทำการบ้าน
หรือเตรียมตัวมาอย่างดี เพราะนั่นเป็นการบ่งว่าคุณมีความกระตือรือร้น และสนใจที่จะทำงานในองค์กรนั้น
รวมทั้งสามารถ ตอบได้ว่าคุณสามารถให้อะไรกับองค์กรแห่งนั้น ไม่ใช่เกิดจากการร่อนใบสมัครไปทั่ว
การเตรียมตัวทำการบ้านที่ดี คือ การรู้ข้อมูลที่สำคัญและจำเป็นเกี่ยวกับองค์กรนั้น
โดยเริ่มตั้งแต่สถานที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ หรือสาขาสำคัญๆ ผลิตภัณฑ์และบริการ
ลูกค้าหรือกลุ่มเป้า หมายของบริษัทคู่แข่งที่มีศักยภาพ ปรัชญาการทำงานการบริหาร
รวมไปถึงประวัติความเป็นมา ข้อมูลทางด้านการเงินและความมั่นคงของบริษัท และสุดท้ายคือ
ข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับบริษัทในปัจจุบัน
ส่วนหลักในการเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ คือ
‘ เตรียมตัวและคำตอบสำหรับคำถามที่พบ ได้บ่อย คุณอาจลองลำดับคำถามและคำตอบที่คุณ
คาดว่าจะถูกถาม เช่น คำถามประเภท
"ลองบอกเกี่ยวกับตัวคุณ" คำตอบมักจะออกมาในรูปของการลำดับและไล่เรียงเกี่ยวกับการ
ศึกษา ประสบการณ์และความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา และลงท้ายด้วยคุณสมบัติอะไรที่ทำให้คิดว่าคุณ
เหมาะกับงานนั้น และสิ่งที่คุณจะให้กับองค์กร
"ทำไมจึงสนใจงานที่นี่" นี่เป็นคำถามหัวใจ ที่จะบ่งถึงความเหมาะสมของคุณกับงาน
คุณควรตอบคำถามอย่างสั้น กระชับ ชัดเจน ซึ่งจะบ่งถึงความกระตือรือร้นที่คุณมีต่องานชิ้นนั้น
แสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าคุณมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับองค์กรและงานนั้นอย่างไร
ชี้ให้เห็นว่าคุณจะสามารถให้อะไรกับองค์กร คำตอบที่เน้นถึงผลประโยชน์ในรูปของเงินแม้ว่าจะแสดงถึงความจริงใจ
แต่ในอีกแง่หนึ่งก็อาจทำให้ผู้สัมภาษณ์ไม่มั่นใจเกี่ยวกับความมุ่งมั่นในการทำงาน
"ทำไมจึงลาออกจากงานเก่า" จุดประสงค์ ของผู้สัมภาษณ์คือ อยากรู้ว่าคุณมีปัญหาอะไรจึงไม่สามารถทำงานที่เดิม
ถ้าหากไม่มีปัญหาอะไร ควรให้คำตอบที่เป็นเหตุผลง่ายๆ เช่น ย้ายที่อยู่ เป็นงานชั่วคราว
บริษัทหยุดดำเนินการ หรือไม่เห็นความก้าวหน้าในการทำงาน
หากคุณมีปัญหากับที่ทำงานเดิม ควรหลีกเลี่ยงการอธิบายในเชิงกล่าวโทษหรือให้ร้ายที่ทำงาน
เก่า เพราะผู้สัมภาษณ์จะรู้สึกว่า เขาอยู่ในคิวต่อไป ที่จะถูกคุณให้ร้ายหลังลาออกจากงาน
และควรแสดงให้เห็นว่าคุณได้เรียนรู้อะไรบ้างจากความขัด แย้งหรือปัญหาในที่ทำงานเก่า
"อะไรที่เป็นส่วนดี หรือความสามารถที่มีอยู่" คุณควรแสดงให้เห็นว่าความสามารถที่คุณมีอยู่
สามารถก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไรกับองค์กร
"อะไรคือจุดอ่อนหรือข้อด้อยในตนเอง" พยายามให้ผู้สัมภาษณ์เห็นด้านบวกของจุดอ่อนนั้น
เช่นคุณอาจตอบไปว่า คุณเป็นคนขี้กังวลและเพราะ ความกังวลทำให้คุณต้องทำงานจนเลิกดึกในบางครั้ง
"คุณถนัดที่จะทำงานคนเดียวหรือร่วมกับคนอื่น" คำตอบควรเป็นทั้งสองกรณีขึ้นกับสภาพการณ์
คุณควรยกตัวอย่างให้เห็นว่าคุณทำอย่างไรในแต่ละสถานการณ์
"อะไรคือเป้าหมายในอนาคตหรือเป้าหมาย ในการทำงาน" ผู้สัมภาษณ์ต้องการทราบว่า
เป้าหมายของคุณกับองค์กรสามารถไปด้วย กันได้หรือไม่ แสดงให้เห็นว่าคุณมีความ
มุ่งมั่นและใฝ่รู้ในการทำงานและพัฒนา ศักยภาพที่มีอยู่
‘ หลังจากกำหนดคำตอบของ คำถามที่คุณอาจได้รับในการสัมภาษณ์ แล้ว สิ่งที่คุณต้องเตรียมต่อไปคือ
การฝึกซ้อมการสัมภาษณ์จริงกับเพื่อน ควร ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีในการบอกเล่าเรื่องราวที่สำคัญเกี่ยวกับตัวคุณ
การอัดเทป หรือสังเกตพฤติกรรมทางกายในการสัมภาษณ์จะช่วยให้เห็นข้อบกพร่อง
‘ เตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่จำเป็นให้ครบถ้วนและเป็นระเบียบ เตรียมสำเนา
ผลงาน ในอดีต (หากมี) รวมทั้งรายชื่อของบุคคลในการอ้างอิงถึง
‘ แต่งกายให้เหมาะสมและดูเป็นมืออาชีพ ในบาง ครั้งคนถูกตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก
‘ คุณควรจะระลึกถึงสิ่งต่อไปนี้ในวันสัมภาษณ์
- ก่อนการสัมภาษณ์ : ตรงต่อเวลา หรือมาก่อนเวลา สิ่งนี้แสดงถึงความตั้งใจและเป็นมืออาชีพ
- แสดงถึงการมองโลกในด้านบวก ไม่กล่าวโทษที่ทำงานเก่า
- พยายามผ่อนคลายคิดเสมอว่า การสัมภาษณ์ไม่ใช่การสอบสวน
- ระหว่างการสัมภาษณ์ : แสดงให้เห็นว่าคุณมั่นใจในตนเอง สบตากับผู้สัมภาษณ์เป็นระยะ
- พูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนไม่ดังหรือค่อยจนเกินไป
- อย่าเอาแต่พูดอย่างเดียว การฟังจะทำให้คุณสังเกตและรู้ว่าผู้สัมภาษณ์ต้องการอะไร
- ในบางครั้งผู้สัมภาษณ์อาจเปิดโอกาสให้คุณเป็น ฝ่ายถาม ควรเลือกถามคำถามที่แสดงให้เห็นว่าคุณสนใจองค์กรนั้นในแง่ของการทำงาน
เช่น คำถามประเภทเกี่ยวกับลักษณะงานขององค์กร หรือระบบการบริหาร อย่าถาม
คำถามที่แสดงให้เห็นว่า คุณคิดถึงตัวเองเป็นหลัก เช่น การ ถามเรื่องวันลา
หรือสิทธิประโยชน์พิเศษ หากจะถามคำถาม ให้มั่นใจว่าผู้สัมภาษณ์เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของคุณ
หวังว่าเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้คงจะมีประโยชน์กับคุณผู้อ่านที่กำลังอยู่ในช่วงของการหางานบ้าง
ไม่มากก็น้อย