"อนุสรณ์ ธรรมใจ" ผอ.สำนักวิจัยฯ ไทยธนาคาร แนะธนาคารพาณิชย์ไทย เร่งพัฒนาและ
เพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการ แข่งขันหลังจากทางการมีนโยบายเปิดเสรีทางการเงิน
พร้อมให้ความมั่นใจระยะยาวจะส่งผลดีต่อระบบสถาบันการเงิน แต่ควรจะค่อยเป็นค่อยไป
เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยมีการเตรียมพร้อมและปรับตัวรับการแข่งขัน
ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยธนาคารไทยธนาคาร เปิดเผยผลการประเมินทิศทางของธนาคารพาณิชย์
ภายใต้กรอบการเปิดเสรีระดับทวิภาคีว่า การ เปิดเสรีระดับทวิภาคีเป็นนโยบายระยะยาวของรัฐบาลที่ควรจะดำเนิน
การอย่างรอบคอบเป็นระบบและเป็น ขั้นตอน โดยเฉพาะการเจรจาทำข้อตกลงกับสหรัฐอเมริกา
เนื่องจากมีความซับซ้อนสูงเมื่อเทียบกับการทำข้อตกลงกับประเทศอื่น
"การเจรจาทำข้อตกลงควรใช้รูปแบบของ Positive Lists ซึ่งง่ายและชัดเจน รวมทั้งมีผลกระทบนอกเหนือการคาดการณ์น้อยกว่าการ
เจรจาแบบ Negative Lists หากประเทศไทยไม่มีความพร้อมในการเปิดเจรจาทำข้อตกลงเปิดเสรีระดับทวิภาคีจะก่อให้เกิดผลเสียตามมาโดยเฉพาะในระยะสั้น"
สำหรับการเปิดเสรีระดับทวิภาคีกับสหรัฐฯ สำนักวิจัยฯคาดว่า ไทยจะมีความเสียเปรียบในการเจรจา
ระดับทวิภาคีกับประเทศสหรัฐฯ อย่างมาก เนื่องจากสหรัฐอเมริกามีอำนาจในการต่อรองสูง
มีเป้าหมายใน การเจรจาอย่างชัดเจน ทำให้มีความได้เปรียบในการเจรจา ขณะที่ไทยยังไม่พร้อมในการเจรจา
ประกอบกับประเทศไทยยังขาดนักเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดทำเขตการค้าเสรี
ทำให้ประเทศไทยตกเป็นรองในการเจรจา
ขณะเดียวกัน ไทยยังขาดนักกฎหมายระหว่างประเทศที่มีความรู้ในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการเจรจา
เพราะว่าข้อตกลงต่างๆ จะมีลักษณะ เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ ข้อความ ต่างๆ จะมีผลผูกมัดตลอดไป
ขณะที่ภาคธุรกิจของสหรัฐอเมริกามีความ ได้เปรียบ มีความแข็งแกร่งทั้งทางด้านการดำเนินธุรกิจและการเงินสูง
อย่างไรก็ตาม การเปิดเสรีทาง การเงิน ในระยะยาวจะเกิดผลดีต่อการพัฒนาระบบสถาบันการเงินทั้งทางด้านระบบการบริหารและบุคลากร
ให้มีประสิทธิภาพเป็นไปตามมาตรฐาน สากล ตลอดจนการถ่ายทอดเทคโน-โลยี ขณะการแข่งขันของภาคการเงินการธนาคารที่รุนแรงขึ้นจะส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและมีความสะดวกในการใช้บริการมากขึ้น
ดร.อนุสรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดเสรีทางการเงินของไทยไม่ควร เร่งรีบมากเกินไปเพื่อให้อุตสาหกรรม
ธนาคารของไทยได้เตรียมความพร้อม และปรับตัวสำหรับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการปรับโครงสร้างองค์กร
เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินธุรกิจให้มีความประหยัดต่อขนาดของสถาบันการเงิน
"ความพร้อมของสถาบันการเงินไทยจะส่งผลให้การเปิดเสรีทาง การเงินมีผลดีมากกว่าผลเสีย
และจะ ช่วยพัฒนาให้ระบบการเงินของประเทศมีความเข้มแข็งและโปร่งใส ดังนั้น สถาบันการเงินต้องเร่งปรับตัวให้มีประสิทธิภาพเพื่อแข่งขันได้"
ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ไทยแต่ละแห่งต้องเร่งปรับตัวให้มีขนาดใหญ่และมีความคล่องตัวขึ้น
ตลอดจนมีจุดยืนเพื่อรองรับการแข่งขันที่จะทวีความรุนแรงขึ้นและเพื่อสามารถ แข่งขันกับธนาคารต่างชาติได้
เนื่อง จากการที่ไทยเตรียมเปิดเสรีทางการเงินการธนาคาร โดยอนุญาตให้ต่างชาติสามารถดำเนินธุรกิจธนาคารได้ทุกประเภท
เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ไทย จะทำให้ธนาคารต่างชาติขยายการให้บริการอย่างหลากหลายมากขึ้น
ดังนั้นจึงมีความจำเป็น ในการอนุญาตให้ธนาคารต่างชาติเข้าถือหุ้นร่วมกับธนาคารพาณิชย์ไทยโดยไม่จำกัดสัดส่วน
เพื่อสร้างความเข้มแข็งและแข่งขันกับธนาคาร ต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในไทยได้ด้วย