Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 กุมภาพันธ์ 2547
ตลท.ชี้ค้ำ10%ทันเม.ย.เสนอเข้าบอร์ด25ก.พ.             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

   
search resources

ฟิลลิป (ประเทศไทย), บล.
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เคจีไอ (ประเทศไทย), บล.
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
ศุภมาศ พยัคฆพันธ์
รักพงษ์ ไชยศุภรากุล
Stock Exchange




"กิตติรัตน์" เชื่อมั่นการวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10% ทันภายใน 1 เมษายนนี้ ชี้ไม่ใช่มาตรการที่ระงับความร้อนแรงของตลาดหุ้น เตรียมนำเสนอบอร์ดตลาดพิจารณาในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ เผยลูกค้าที่ไม่ต้องวางหลักประกันได้แก่บลจ., ลูกค้าต่างประเทศ, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนต่างด้าว และบริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับบริษัทสมาชิกเกี่ยวกับการวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10% ในทุกบัญชีเงินสดว่า ในที่ประชุมมีข้อสรุปร่วมกันในรายละเอียดครบถ้วนแล้ว โดยเห็นตรงกันว่า จะสามารถใช้ได้ทันภายในวันที่ 1 เมษายน 2547 ตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งขั้นตอนต่อไป แต่ละโบรกเกอร์จะต้องกลับไปหารือกับผู้เขียนซอฟต์แวร์ของตนในเรื่องของการเขียนโปรแกรม เพื่อรองรับ การวางหลักทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันสมาชิกบางรายก็มีโปรแกรมเมอร์ของตนเอง บางรายก็ใช้ระบบของตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นจึงต้องมีการกลับไปหารือกับโปรแกรมเมอร์ก่อน

"เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2547 ซึ่งหากจะมีเหตุที่จะทำให้ ล่าช้าออกไป ก็เป็นเรื่องของการจัดทำระบบงานเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า เพราะในเบื้องต้นทุกคนเห็นร่วมกันว่าต้องการให้ทันตามกำหนด"

นายกิตติรัตน์กล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวไม่ต้องการลดความร้อนแรงของภาวะตลาดหุ้น แต่ทำเพื่อให้ทุกบัญชีเงินสด สามารถใช้วิธีชำระราคาแบบสุทธิได้

ทั้งนี้ สินทรัพย์ที่จะมาวางเป็นหลักประกัน ได้แก่ เงินสด หลักทรัพย์จดทะเบียน ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน บัตรเงินฝาก รวมทั้งหนังสือที่ธนาคารพาณิชย์ออกไว้ ให้แก่บริษัทหลักทรัพย์เพื่อเป็นการประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้นของลูกค้าตัวธนาคารพาณิชย์ยินยอมรับผิดชอบในฐานะลูกหนี้ชั้นต้น

ส่วนลูกค้าที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติ ตามข้อบังคับได้แก่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ลูกค้าสถาบันต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุน ต่างด้าว และบริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์

สำหรับมาตรการในการเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10% เพื่อต้องการให้ทุกบัญชีที่ซื้อขายในลักษณะนี้มีการชำระแบบสุทธินั้นจะไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้น และจะเป็นผลดีในการลงทุนระยะยาวด้วย ซึ่งในต่างประเทศ ก็มีมาตรการสร้างความมั่นคง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ต่อลูกค้าและโบรกเกอร์ "ปัจจุบัน นักลงทุนประมาณ 90% มีหลักทรัพย์อยู่ในบัญชีซื้อขายมูลค่าเกินกว่า 10% อยู่แล้ว ดังนั้น มาตรการดังกล่าวนี้จะไม่กระทบต่อนักลงทุนส่วนใหญ่" นายกิตติรัตน์กล่าว

แหล่งข่าวจากผู้บริหารโบรกเกอร์แห่งหนึ่งกล่าวว่า นอกจากประเด็นเรื่องการวางหลักทรัพย์ ค้ำประกัน 10% แล้ว นายกิตติรัตน์ยังได้กล่าวในที่ประชุมถึงการเลื่อนการใช้ค่าธรรมเนียมการ ซื้อขายหลักทรัพย์แบบเสรี (คอมมิชชั่น) ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่สำนักงานก.ล.ต.จะพิจารณา เลื่อนออกไป แต่โบรกเกอร์ต้องพัฒนาคุณภาพงานวิจัยให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงปัญหาการแย่งตัวเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งหรือเจ้าหน้าที่การตลาดฯ โดยแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าปัจจุบันปัญหาการแย่งชิงตัวลดลง แต่ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ ต้องการให้มีข้อกำหนดที่ชัดเจน ในการเปลี่ยนงานโดยมีการเสนอให้มีการตกลงกับต้นสังกัดเดิมก่อนที่จะมีการย้ายไปสังกัดใหม่

สำหรับเรื่องการวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10% จะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการตลาด ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เพื่อกำหนดเป็นหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนต่อไป ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์เมื่อวานนี้ (10 ก.พ.)ดัชนีตลาดหุ้นเปิดที่ระดับ 734.14 จุด เพิ่มขึ้น 2.09 จุด หลังจากนั้น ก็มีแรงซื้อสลับกับแรงเทขายในระหว่างวัน แต่ดัชนีก็ไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านที่ 740 จุดได้จึงทำให้มีแรงเทขายออกมาและมาปิดที่ 739.64 จุดเพิ่มขึ้น 7.59 จุดหรือ 1.04% มูลค่าการซื้อขาย 29,742.94 ล้านบาท

การซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มปรากฏว่า นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,016.46 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 240.91 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ775.54 ล้านบาท นางสาวศุภมาศ พยัคฆพันธ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาวะตลาดเริ่มฟื้นตัว ดัชนีมีการรีบาวนด์ต่อ แต่มีการผันผวนในกรอบจำกัดมากขึ้น มูลค่าการซื้อขายอยู่ในเกณฑ์เบาบาง หากไม่มีปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นตลาดดัชนีจะปรับตัวในช่วง 725-740 จุด และอาจขึ้นทดสอบ 745 จุดในระหว่างวันได้ นักลงทุน ส่วนใหญ่ยังรอดูภาวะตลาดอยู่หากสามารถยืนเหนือ 740 บาทได้ นักลงทุนจะเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งนี้ ในระยะยาวดัชนีมีสิทธิไปได้ ถึง 770 จุดได้

ด้านนายรักพงษ์ ไชยศุภรากุล นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดปรับตัวผันผวนระหว่างวันและยืนในแดนบวกได้ เป็นการรีบาวนด์ทางเทคนิค และปัจจัยลบกรณีไข้หวัดนกเริ่มอ่อนตัว ทั้งนี้มีแรงซื้อในหุ้นมาร์เกตแคปใหญ่ กลุ่มสื่อสาร และพลังงาน หุ้นขนาดกลาง-เล็กเริ่มอ่อนตัวลง ในระยะสั้นดัชนีตลาดจะแกว่งตัวในช่วงแคบ และมูลค่าการซื้อขายยังคงต่ำเนื่องจากขณะนี้ยังไม่มี ปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นตลาด คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวในช่วง 730-745 จุด แนวต้านทางจิตวิทยาที่ 745 จุด

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us