Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 กุมภาพันธ์ 2547
ไทยน็อคซ์สตีลล็อบบี้"พินิจ" ขึ้นภาษีนำเข้า             
 


   
search resources

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สหวิริยาสตีลอินดัสทรี, บมจ.
ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส, บมจ.
กระทรวงอุตสาหกรรม
อาร์เซอลอว์
พินิจ จารุสมบัติ
ประยุทธ มหากิจศิริ
ฌอง อีฟ จีเลห์
อแลง ดาเวอซัค
Metal and Steel




"ประยุทธ์"ประธานบริษัทไทยน็อคซ์สตี ลล็อบบี้ "พินิจ" ช่วยหนุนเพิ่มกำแพงภาษีนำเข้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นหรือ สเตนเลส จาก 5% เป็น 12% หวังบีบให้ผู้นำเข้าจากต่างประเทศในขณะนี้หันกลับมาใช้เหล็กในประเทศแทน พร้อมเล็งศึกษาเพิ่มการผลิตเป็น 3 แสนตัน และระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ คาดรู้ผลกลางปีนี้ ด้าน "พินิจ" แบะท่ารับพร้อมหนุนผู้ผลิตเหล็กเต็มพิกัด

วานนี้ (9 ก.พ.) บริษัท ไทยน็อคซ์สตีล จำกัด ได้จัดงานเฉลิมฉลองความสำเร็จการผลิตเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นหรือสเตนเลสสตีล ณ ยอดการผลิตที่ 1 ล้านตัน โดยมีนายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่า การกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมเป็นสักขีพยาน

นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานบริษัท ไทยน็อคซ์สตีล จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ยื่นหนังสือถึงนายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อช่วยสนับสนุนและผลักดันให้ภาครัฐบาลปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กกล้าไร้สนิมจากปัจจุบัน 5% เป็น 12% อย่างน้อย 5-10 ปี เพื่อที่ทำให้ผู้นำเข้าเหล็กกล้าไร้สนิมจากต่างประเทศในขณะนี้หันมาใช้ภายในประเทศไทยเพื่อคงอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไว้

ทั้งนี้ในปี 2546 พบว่าไทยยังมีการนำเข้าเหล็ก กล้าไร้สนิมสูงถึง 50% จากอัตราการใช้ในประเทศ 1.6 แสนตัน ขณะที่บริษัทไทยน็อคซ์สตีลสามารถผลิตได้ 1 แสนตันหรือทดแทนการนำเข้า 60% ดังนั้นการนำเข้าจากต่างประเทศราว 6 หมื่นตันควรจะลดการนำเข้าให้เหลือเพียง 5% เท่านั้น ซึ่งหากรัฐบาลเพิ่มภาษีก็จะทำให้บริษัทสามารถขยายฐานการตลาดเพิ่มขึ้นได้

สำหรับอัตราภาษีนำเข้าล่าสุดรัฐบาลได้พิจารณา ปรับโครงสร้างใหม่โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม รีดเย็นเป็นสนิมปรับภาษีนำเข้าจาก 12% เป็น 9% โดยบริษัทสหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI เป็นผู้ผลิต ส่วนเหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิมลดจาก 12% เป็น 5% ผลิตโดยไทยน็อคซ์สตีล ขณะที่รีดร้อนไร้สนิม นำเข้า 1% เนื่องจากไม่มีผู้ผลิตในประเทศ ส่วนรีดร้อนมีสนิมจาก 10% เหลือ 7.5% ผลิตโดย SSI และแสลป 1% เพราะไทยมีผู้ผลิต

"บริษัทขอกลับไปใช้ภาษีนำเข้าเดิมเพื่อเอื้อต่อผู้ผลิตเหล็ก โดยราคาจำหน่ายของเราใกล้เคียงกับต่าง ประเทศแต่ที่เขานำเข้าเพราะลูกค้าที่ใช้เหล็กไร้สนิมเป็นอุตสาหกรรมที่ถูกคุมโดยคนต่างชาติที่เขาส่งมาป้อนอีกทีเพื่อช่วยเหลือกัน และการช่วยก็ไม่ใช่ตั้งกำแพงภาษีสุดกู่เหมือนเมื่อก่อน" นายประยุทธกล่าว

นายประยุทธกล่าวว่า ไทยน็อคซ์อยู่ระหว่างการ ศึกษาแนวทางการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 3 แสนตันต่อปีจากปัจจุบัน 2 แสนตันต่อปี รวมไปถึงการพิจารณานำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพชัดเจนถึงแผน การดำเนินการดังกล่าวภายในกลางปีนี้และคาดว่าหาก ต้องระดมทุนคงจะเป็นช่วงสิ้นปี 2547 นี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน7,500 ล้านบาท ใช้เงิน ลงทุนไปทั้งสิ้น 1.5 หมื่นล้านบาท

สำหรับการปรับราคาจำหน่ายล่าสุดกรมการค้า ภายในกระทรวงพาณิชย์ ได้อนุมัติให้ปรับราคาเพิ่มจาก 82.50 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เป็น 105.94 บาทต่อกก. ซึ่งถือว่าคลอบคลุมต้นทุนวัตถุดิบในช่วงปลายปีที่ผ่านมาแต่ขณะนี้วัตถุดิบปรับขึ้นถึงระดับ 2,150-2,500 เหรียญต่อตันดังนั้นคาดว่าคงจะต้องขออนุมัติปรับขึ้นอีกครั้งเพื่อให้ครอบคลุมกับต้นทุนที่ปรับเพิ่ม

นาย ฌอง อีฟ จีเลต์ รองประธานอาวุโสอาร์เซอลอร์ จำกัด ผู้ถือใหญ่ 96% ในไทยน็อคซ์ กล่าวว่าราคาเหล็กจะยังคงแพงขึ้นอีกประมาณ 10% และในปีหน้าคาดว่าจะเริ่มลดลงเพราะขณะนี้ผู้ผลิตนิกเกิ้ล ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักเริ่มมีการขยายการผลิตมากขึ้น

นายอแลง ดาเวอซัค รองประธานฝ่ายกิจการต่างประเทศ อาร์เซอลอร์ กล่าว อัตราการบริโภคของคนไทยยังต่ำเพียง 2.2 กก.ต่อคนเท่านั้นแต่ประเทศ ที่เจริญแล้วบริโภค 14-18 กก.ต่อคนดังนั้นตลาดไทย ยังมีโอกาสที่จะขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นซึ่งไทยน็อคซ์ฯมียอดขายรวมปีที่แล้ว 300 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 1.2 หมื่นล้านบาทประมาณ 40-50% เป็นการส่งออก

นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อุตสาหกรรม กล่าวว่ากระทรวงอุตสาหกรรมมีนโย-บายในการช่วยเหลือผู้ผลิตเหล็กในประเทศเพื่อเป็น การส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะการใช้มาตรการทาง ภาษีในการป้องกันการทุ่มตลาดจากต่างประเทศหรือ การปกป้องอุตสาหกรรมในไทย รวมไปถึงการให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนเพื่อส่งเสริมการลงทุนเหล็กต้นน้ำที่ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีผู้ผลิต

"กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมที่จะสนับสนุนอยู่ แล้วไม่ว่าจะเป็นใคร แต่การช่วยเหลือก็จะต้องดูในเรื่องของการคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้ประสานกับกระทรวงพาณิชย์ตลอดเวลา ซึ่งการคุ้มครองผู้ผลิตจะว่าด้วยมาตรการทางภาษี ส่วนการลงทุนเหล็กขั้นต้นได้หารือกับกลุ่มสหวิริยาแล้วแต่ยังไม่เห็นยื่นมาถ้า ยื่นการลงทุนก็พร้อมจะสนับสนุน" นายพินิจกล่าว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us