กบข.เพิ่มน้ำหนักพอร์ตลงทุนตลาดหุ้นไทยปีนี้จาก 15% เป็น 17-18% หรือประมาณ 4 พันล้านบาท ของพอร์ตรวมเกือบ 2.4 แสนล้านบาท เน้นหุ้นแบงก์ วัสดุก่อสร้าง ไอที สื่อสาร พลังงาน ขนส่ง แถมสนหุ้นรัฐวิสาหกิจ หลังโกยกำไรจากตลาดหุ้นปีที่แล้วถึง 130% ชี้ภาวะตลาดฯ ยังสดใส ดัชนียังขึ้นได้อีก 30-40% เศรษฐกิจไทยยังโตต่อเนื่อง "วิสิฐ" ยันไม่มีใบสั่งจากรัฐบาลให้พยุงหุ้น การตัดสินใจลงทุนของกบข.ขึ้นกับมติบอร์ดที่มุ่งสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้สมาชิก
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
เปิดเผยถึงนโยบายการลงทุนของกบข. ว่า ในปี 2547 นี้ กบข.จะเพิ่มสัดส่วนลงทุนในตลาด
หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็น 17-18% จากมูลค่าเงินลงทุนสิ้นปี 2546 ที่ 2.38 แสนล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่มีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้น 15% หรือคิดเป็นวงเงินรวม 4,000
ล้านบาท
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไทยปีนี้ ยังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปลายปี
2546 เพราะเศรษฐกิจไทยยังมีอัตราการ ขยายตัวที่ดี แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับปัจจัยลบเกี่ยวกับไข้หวัดนกในไก่เข้ามากระทบบ้าง
แต่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
"ในปี 2546 กบข. มีกำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นประมาณ 130% ซึ่งสูงกว่าการปรับตัวขึ้น
ของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ปรับตัวขึ้นในอัตรา 116% ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะได้รับผล
ตอบแทนลดเหลือประมาณ 30% เนื่องจากปีที่แล้วดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเกิน 100%
เพราะราคาหุ้น ต้นปีต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็นมาก แต่ปีนี้ โอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนมากเช่นปีก่อน
ค่อนข้างยาก"
นายวิสิฐ คาดการณ์ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยขณะนี้ ยังมีโอกาสจะเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ
30-40% จึงเป็นโอกาสที่นักลงทุนสถาบันซื้อหุ้น โดยช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะตลาดหุ้นปรับตัว
ลดลงมามาก เพราะได้รับผลกระทบจากข่าวระบาดโรคไข้หวัดนก กบข.จึงทยอยซื้อหุ้นเก็บเข้าพอร์ต
สำหรับหุ้นที่กบข.ลงทุนจะเป็นหุ้นที่สัดส่วน ราคาหุ้นต่อกำไร (พีอี) ประมาณ 12-13
เท่า ในกลุ่มธุรกิจสถาบันการเงิน วัสดุก่อสร้าง เทคโนโลยี สื่อสาร พลังงานและขนส่ง
รวมทั้งยังสนใจ จะลงทุนหุ้นรัฐวิสาหกิจที่แปรรูปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม
เมื่อราคาหุ้นเพิ่ม ขึ้นช่วงนี้ กบข.ก็เริ่มชะลอการลงทุน
"การเข้าลงทุนของกบข. ในตลาดหุ้นนั้น ขอ ยืนยันได้ว่าไม่มีการขอ หรือคำสั่งจากรัฐบาลแต่อย่างใด
ซึ่งการตัดสินใจลงทุนของ กบข. นั้น จะขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการ ซึ่งผู้ที่เป็นกรรม
การ 25 คน ก็เป็นตัวแทนจากสมาชิก ที่มุ่งสร้าง ผลประโยชน์ให้เกิดสูงสุด" นายวิสิฐกล่าว
สำหรับพอร์ตการลงทุนของกบข.นั้น จะแบ่ง สัดส่วน ลงทุนกองทุนตราสารหนี้ประมาณ
75-78% ที่เหลือลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ยังมีแผนจะนำเงินลงทุนต่างประเทศปีนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) โดยจะลงทุนครั้งแรก 8,000 ล้านบาท ในพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ประเทศต่างๆ
ทั่วโลก
รวมถึงสนใจจะลงทุนพันธบัตรเอเชีย (เอเชียบอนด์) ที่ริเริ่มโดยนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.
ทักษิณ ชินวัตร กบข. แต่งตั้งผู้บริหารกองทุน 3 กอง ตั้งเป้าผลตอบแทนดีกว่าลงทุนตราสารหนี้ใน
ประเทศ ประมาณ 0.5-1%
ปี 2546 กบข.ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศประมาณ 2% ผลดำเนินงานปี
2546 กบข. บริหารเงินลงทุนได้ผลตอบแทนการลงทุนสำหรับบัญชีสมาชิก 21,696.16 ล้านบาท
คิดเป็นผลตอบแทนการลงทุนจัดสรรให้สมาชิก 11.84% เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ที่อยู่ที่
8.21% สินทรัพย์สุทธิตามมูลค่ายุติธรรม ณ 31 ธ.ค. 2546 จำนวน 238,393.03 ล้านบาท
ส่วนในปีนี้ กบข. คาดว่าจะได้รับผลตอบ แทนจากการลงทุนตราสารหนี้เพิ่มเป็น 2.5-2.6
หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะให้ผลตอบแทนสมาชิก 5-6% ซึ่งเป็นอัตราที่ กบข. กำหนดไว้ทุกปี
เพื่อให้สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจไทย ที่ไม่น่ามีปัจจัยลบกระทบอีกปีนี้
นายวิสิฐกล่าวว่า แผนการลงทุนปี 2547 เปิดให้สมาชิกออมเงินเพิ่มได้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน
ที่อยู่ระดับ 3% โดยเฉพาะช่วงดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเช่นปัจจุบัน รวมถึงข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว
สามารถจะลงทุนกับ กบข.ต่อได้ ขณะนี้ กำลังขออนุญาตทางการ โดยนโยบายการลงทุนของกบข.จะเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนในระยะ
ยาวเท่านั้น เป็นลักษณะนักลงทุน (Financial Investor) ไม่ต้องการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
หรือบริหาร บริษัทแต่อย่างใด
บริษัทที่ลงทุน ถ้าเป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ จะถือหุ้น 5%
ของทุน ชำระแล้วของแต่ละบริษัท แต่ถ้าเป็นบริษัททั่วไป จะถือหุ้นไม่เกิน 25% ขณะนี้
ธุรกิจประเภทเดียวที่ กบข.จะเป็นผู้บริหารคือบริษัทหลักทรัพย์จัดการ กองทุนรวม
(บลจ.) เนื่องจากจะส่งเสริมผลิตภัณฑ์ออมเงิน เพื่อเป็นทางเลือกสมาชิก
นอกจากนี้ กบข.ลงทุนธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ บริษัท การบินไทย 10% มูลค่า 50
ล้านบาท เพราะนายวิสิฐมองว่าเป็นธุรกิจแนวโน้มดี คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ประมาณ
12-15%