แลนดี้ โฮม พร้อมตบเท้าเข้าตลาดหุ้นปี 47 หวังนำเงินเพิ่มทุนขยายโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จ
รูปแห่งที่ 2 ด้วยระบบเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น พร้อมปรับแผนงานพัฒนาร่วมกับดีเวลลอปเปอร์
หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาด 15 % เน้นทำบ้านสำเร็จรูป Lion house ไม่หวั่นภาระค่าวัสดุปรับเพิ่ม
เผยจุดขายใหม่เปิดตัว บ้านทรงไทยประยุกต์ ทุ่มงบโฆษณาอีกไม่อั้น
นายพิเชษฐ์ มณีรัตนะพร กรรม การผู้จัดการบริษัทแลนดี้ โฮม (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่าบริษัท
อยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารและข้อมูลทั้งหมดเพื่อยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)
เพื่อเข้ากระจายหุ้นให้กับประชาชน(IPO) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในไตรมาส 3
ของปี 2547 โดยเงินเพิ่มทุนดังกล่าว จะนำมารองรับแผนการขยายโรงงานผลิตแห่งที่ 2
ในจังหวัดเพชรบุรี เนื่อง จากตัวเลขอัตราเติบโตของบริษัทที่สูงถึง 20% ในปี 2546
และจากความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยผลิตวัสดุสำเร็จรูปในการก่อสร้างบ้าน
เดี่ยว โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใน การทำโครงการบ้านสั่งสร้างอีกหลายโครงการ
นอกจากนี้ บริษัทได้ทำสัญญาบริหารงานก่อสร้างให้กับ บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงศรีอยุธยา
จำกัด ใช้ชื่อโครงการว่า นีโอ ซิตี้ ซึ่งเคยเป็น โครงการเก่าของโนเบิล ตั้งอยู่ย่านดอน
เมือง บนพื้นที่กว่า 74 แปลง แบ่งเป็น 4 เฟส โดยเฟสแรกจะเป็นบ้านสร้างก่อนขาย 19
หลังและอีก 55 หลังเป็น บ้านสร้างระหว่างขาย ซึ่งจะใช้รูปแบบ บ้าน Lion House ทั้งหมด
สำหรับสภาวะตลาดรับสร้างบ้าน นายพิเชษฐ์ กล่าวยอมรับว่า มีปัจจัยหลายด้านที่ทำให้ธุรกิจไม่เติบโตเทียบ
เท่ากับปี 2546 ทำให้หลายบริษัทเร่งเริ่มปรับตัว โดยพยายามสร้างจุดขายโดยการนำระบบเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมาใช้
รวมถึงการโฆษณาเพื่อให้ตราสินค้าของบริษัท (แบรนด์) เป็นที่รู้จักในตลาด ซึ่งในส่วนงบโฆษณาของปี
2547 บริษัทแลนดี้ โฮม ตั้งงบไว้ที่ 30-40 ล้านบาท เพื่อเป็น การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำแก่ผู้บริโภคมากขึ้น
ทั้งนี้บริษัทแลนดี้ โฮม จึงเตรียม ปรับปรุงแผนงานปี 47 โดยอยู่ระหว่าง การปรับปรุงองค์กรใหม่โดยใช้ระบบ
TQM (Total Quality Management) เป็นการปรับปรุงคุณภาพ สินค้า บริการและบุคคล เพื่อให้สอด
คล้องกับภาวะการแข่งขันของธุรกิจรับสร้างบ้านในปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 200 บริษัทซึ่งจากส่วนแบ่งตลาด
(มาร์เกตแชร์ )ของบริษัทรับสร้างบ้าน ที่มีอยู่เดิม 20% เพิ่มขึ้นเป็น 35% ในปีที่ผ่านมา
สำหรับปีนี้ตัวเลขของตลาด รวมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท คาดว่าสัดส่วนการแชร์ตลาดรับสร้างบ้านของแลนดี้โฮมจะอยู่ที่
10-15% ของมูลค่าตลาดรวม ในปีนี้บริษัท ตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างบ้านได้จำนวน 500-1,000
หลัง เฉลี่ยราคา 1,500,000-2,000,000 บาท
การดำเนินงานในปี 2547 เน้นการบุกตลาดทำบ้านสั่งสร้างสำเร็จรูปมากขึ้นในรูปแบบของ
Lion House เป็นระบบการก่อสร้างที่ใช้โครงคาน-เสาสำเร็จรูปและผนังคอนกรีตเสริม
เหล็ก ซึ่งเป็นผนังที่มีความแข็งแรงและเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างหลัก ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่ลวดลายของผนัง
ใช้เทคนิคการพ่นฟิล์มจากโรงงานเพิ่มอายุการใช้งาน นอกจากนี้ยังสะดวกในการก่อสร้าง
และลดขั้นตอนการทำงาน เร็วขึ้นจากเดิม 30% เพราะไม่ต้องใช้ไม้แบบ ไม่มีงานก่ออิฐฉาบปูน
แต่ต้นทุนจะสูงกว่าแบบบ้านทั่วไป อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลกับปัญหาการขาด แคลนแรงงานและวัสดุก่อสร้าง
ที่ขณะนี้ปรับราคาสูงขึ้นแล้ว 5-10% ส่วนเหล็กเส้นได้ปรับตัวสูงขึ้นแล้วมากกว่า
10% ส่วนแบบบ้านเป็นอีกหนึ่งวิธีที่บริษัทจะนำมาเป็นจุดขาย ปีนี้จะเน้นการออกแบบที่มีรูปแบบทรงไทยประยุกต์มากขึ้น
ขณะนี้อยู่ระหว่างการ วิจัยและทำโมเดลบ้าน ซึ่งเสร็จแล้ว กว่า 50% คาดว่าน่าจะนำมาใช้ได้ทันในปี
47 นี้
ปัจจุบันแลนดี้ โฮม มีโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปเพื่อป้อนวัสดุใน การก่อสร้างบ้านรูปแบบ
Lion House โดยเฉพาะ ซึ่งก่อตั้งในปี 2535 ที่นครปฐม บนพื้นที่เกือบ 30 ไร่ อนาคตยังมีโครงการขยายโรงงานไปยัง
จ.เพชรบุรี เมื่อเทียบกับการสร้างบ้านโดยทั่วไป การใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูปจะช่วยลดระยะเวลาสร้างประมาณ
4 เดือน/หลัง และในปีที่ผ่านมา บริษัทได้บริหารการก่อสร้างให้กับโครงการคลาสสิค
โฮม ย่านพุทธมณฑลสาย 3 ขนาดเนื้อที่ 25 แปลง สร้างบนพื้นที่ตั้งแต่ 100 ตร.ว.ขึ้นไป