Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 กุมภาพันธ์ 2547
หุ้นดีด5%หวิดชน700ขาใหญ่ทยอยเข้าพอร์ต             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

   
search resources

ปตท., บมจ.
ธนาคารกรุงไทย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ไมด้า แอสเซ็ท, บมจ.
โกลเบล็ก, บล.
เอบีเอ็น แอมโร เอเซีย
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ - กบข
ทักษิณ ชินวัตร
กมล เอี้ยวศิวิกูล
วรุตม์ ศิวะศริยานนท์




หุ้นไทยผันผวนต่อวานนี้ ก่อนดีดกลับแรง 32.42 จุด พุ่งเกือบ 5% เกือบชน 700 ขาใหญ่เริ่มกลับเข้าเก็บของเข้าพอร์ต "ยรรยง พันธุ์วงกล่อม" ตั้งเป้าทยอยซื้อหุ้น พื้นฐานแน่นเข้าพอร์ต 70% คาดหวังฟันกำไรไม่ต่ำกว่า 10% ด้านนักลงทุนต่างชาติหันกลับซื้อสุทธิ 1,551 ล้านบาท ขณะที่ กบข.ช้อนซื้อของถูก ด้าน "ทักษิณ" ลั่น หุ้นน่าลงทุน ถ้าไม่นั่งเก้าอี้นายกฯ ทุ่มเงิน 2-3 พันล้านเข้าไปซื้อลงทุนแล้ว แนวโน้มยังผันผวน หุ้นมีสิทธิ์เดินหน้าแตะ 720 จุด

ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์วานนี้ (3 ก.พ.) ดัชนีมีความผันผวนอย่างมากตลอดทั้งวันซื้อขาย โดยเปิดตลาดดัชนีลดลง 7.28 จุดหลังจากนั้นก็มีแรงเทขายออกมาทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาต่ำสุดที่ 649.31 จุดลดลง 18.02 จุด แต่ในช่วงบ่ายได้มีแรงซื้อเข้ามาทำให้ดัชนีสามารถปรับตัวในแดนบวกได้โดยปิดที่ระดับ 699.75 จุดเพิ่มขึ้น 32.42 จุดหรือ 4.86% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดของวัน มีมูลค่าการซื้อขาย 37,100.71 ล้านบาท การซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มปรากฏว่านักลงทุนต่าง ประเทศซื้อสุทธิ 1,551.01 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,039.28 ล้านบาทและนักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 511.73 ล้านบาท

นายยรรงยง พันธุ์วงกล่อม นักลงทุนรายใหญ่เปิดเผยว่า เพิ่งจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาด หุ้นเมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) เป็นวันแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้หยุดพักการซื้อขายไประยะหนึ่ง สาเหตุที่เริ่มกลับมาเก็บหุ้นเข้าพอร์ตเนื่องจากประเมินว่าภาวะตลาดหุ้นปรับตัวลงมาเร็วและแรง มากจนเกินไป จึงมองว่าน่าจะใกล้ถึงระดับที่ดัชนีมีโอกาสดีดตัวขึ้นมาได้แล้ว อย่างไรก็ตามโอกาสที่ภาวะตลาดหุ้นปรับตัวลดลงต่อก็ยังมีโอกาสเช่นกัน แต่ก็เชื่อว่าความเสี่ยงในการลงทุน ในระดับดัชนีขณะนี้ถือว่ามีความเสี่ยงที่ต่ำ

ทั้งนี้ การเข้าลงทุนในรอบนี้มีแผนที่จะเลือก ที่จะซื้อหุ้นเข้าพอร์ตประมาณ 70% ของพอร์ตการ ลงทุนโดยรวม โดยจะเลือกซื้อหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาแรงมากก่อนหน้านี้ และต่อมาราคาก็ปรับตัว ลดลงมาแรงเช่นกัน เช่นหุ้นในกลุ่มสื่อสารบางตัว กลุ่มหลักทรัพย์และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง โดยจะคำนึงถึงหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และราคาอ่อนลง โดยคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างน้อยประมาณ 10%

"ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนมาก ซึ่งช่วง ที่ขึ้นก็ขึ้นจนร้อนแรงเกินไป และเมื่อดัชนีปรับตัวลดลงก็ลงมาโอเวอร์จนเกินไป ซึ่งการลงทุนจะต้องพิจารณาจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งจริงๆ แล้วตั้งใจจะเข้าซื้อหุ้นตั้งแต่ช่วงที่ดัชนีอยู่ในระดับประมาณ 680 จุดตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์แล้ว แต่เห็นว่ามีแรงขายออกมามากจึงรอดูสถานการณ์ อีกระยะและเพิ่งจะเข้ามาลงทุนใหม่อีกครั้งในช่วง เช้าวันที่ 3 กุมภาพันธ์เพราะเห็นว่าภาวะตลาดหุ้น ปรับตัวลงมาแรงจนเกินไป"

นายยรรยงกล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากสภาพ ตลาดหุ้นแล้วมองว่าตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นมาแรงแต่ไม่สามารถผ่านระดับ 800 จุดได้ ดังนั้น จึงเป็นช่วงของการปรับฐาน ซึ่งถ้าไม่มีปัจจัยลบเกี่ยวกับไข้หวัดนกเข้ามากระทบเชื่อว่าดัชนีคงจะปรับฐานไม่รุนแรงมากนัก อย่างไรก็ตาม ปัจจัยไข้หวัดนกนั้นเชื่อว่ามีผลกระทบในช่วงสั้นและในวงไม่กว้าง ซึ่งเชื่อว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนไม่เปลี่ยน แปลงแต่อย่างใด แต่ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรงเพราะเป็นผลเชิงจิตวิทยาเท่านั้น

นายกมล เอี้ยวศิวิกูล ประธานกรรมการ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) (MIDA) ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า ได้หยุดการซื้อขายหุ้นในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องมาหลายวันเพื่อรอดูสถานการณ์ โดยหุ้นที่อยู่ ในพอร์ตส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีและสามารถถือลงทุนได้ ดังนั้น จึงยังไม่มีการขายหุ้น ล้างพอร์ตแต่อย่างใด เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่นิยมการขายตัดขาดทุน (cut loss) แต่การเล่นหุ้นจะเป็นลักษณะของการซื้อลงทุนระยะยาว ส่วนหุ้นเก็งกำไรมีในพอร์ตบ้างเล็กน้อยไม่ถึง 10% ดังนั้น เมื่อตลาดแพนิคจึงไม่จำเป็นต้องเทขายออกมาแต่จะเป็นในลักษณะชะลอการซื้อขายมากกว่า

"หลักการเล่นหุ้นของผมจะดูที่เงินมากกว่า หากมีเงินเหลือก็จะซื้อหุ้นที่คิดว่าดี ส่วนหุ้นเก็งกำไรมีบ้างแต่ก็ไม่มาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกซื้อหุ้นที่มีขนาดกลางที่มีสภาพคล่องดีไม่ใช่หุ้นขนาดใหญ่ เพราะหุ้นที่มีมาร์เกตแคปใหญ่ผู้เล่นจะเป็นพวกกองทุน ซึ่งต้องยอมรับว่าเราสู้เค้าไม่ได้ทั้งในด้านเม็ดเงินหรือประสบการณ์ในการเล่นหุ้น" นายกมลกล่าว

นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้กล่าว ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ดัชนีปรับตัวลดลงมามากว่า หากตนไม่ใช่นายกรัฐมนตรีเป็นเพียงนักธุรกิจเหมือนนักลงทุนธรรมดา ก็จะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น 2-3 พันล้านบาท เพราะเห็นว่าเป็นจังหวะดีที่จะเข้าไปทำกำไรระยะสั้น

นายวรุตม์ ศริวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนีตลาดปรับตัวสูงขึ้นคือการที่นักลงทุนรายใหญ่ในตลาด และนักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อหุ้นมาร์เกตแคปใหญ่ ทำให้นักลงทุนรายย่อย แห่ซื้อตาม ประกอบกับการที่ดัชนีตลาดได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมาเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นราคาถูก

นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยไทย บล.เอบีเอ็นแอมโร เอเชีย จำกัด (มหาชน)กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นในวันนี้ (4 ก.พ.) อาจมีการรีบาวนด์ในช่วงสั้นๆก่อน จะเริ่ม ทรงตัวต่อโดยมองแนวรับที่ 670-680 จุด แนวต้านที่ 710-720 จุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการคลี่คลายปัญหาไข้หวัดนก และการกระตุ้นตลาดจากนักลงทุนรายใหญ่ยังมีต่อเนื่อง

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า ได้มีกระแสข่าวลือในห้องค้าว่ากองทุนบำเหน็จบำนาญ ข้าราชการ (กบข.) ได้เข้ามาซื้อหุ้น เนื่องจากรัฐบาลไม่ต้องการเห็นหุ้นปรับตัวลดลงไปมากกว่านี้ โดยจะสังเกตได้จากหุ้นที่อยู่ในการดูแลของรัฐบาลเช่นหุ้นบริษัทปตท.,ธนาคารกรุงไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น ค่อนข้างแรง

เมื่อวานนี้ได้มีการซื้อขายรายการใหญ่ (บิ๊กล็อต) ในหุ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะหุ้นที่มีมาร์เกตแคปใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพในกระดานต่างประเทศ(BBL-F) จำนวน 1 รายการ 50,000 หุ้นมูลค่าการซื้อขาย4.800 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 96.00 บาท,หุ้นบริษัทบีอีซีเวิลด์(BEC)จำนวน 3 รายการ 894,800 หุ้นมูลค่าการซื้อขาย 17.075 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 19.08 บาท, หุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) จำนวน 1 รายการ 500,000 หุ้นมูลค่า การซื้อขาย 26.00 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 52.00 บาท,หุ้นธนาคารกสิกรไทยในกระดานต่างประเทศ (KBANK-F) จำนวน 2 รายการ 190,000 หุ้นมูลค่าการซื้อขาย 10.66 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 52.00 บาท

หุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB) จำนวน 7 รายการ 2,345,000 หุ้นมูลค่าการซื้อขาย 26.084 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.12 บาท,หุ้นบริษัทปตท. (PTT) จำนวน 5 รายการ 315,000 หุ้นมูลค่าการซื้อขาย 47.261 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 150.03 บาท, หุ้นบริษัทปตท.ในกระดานต่างประเทศ (PTT-F) จำนวน 1 รายการ 95,000 หุ้นมูลค่า การซื้อขาย 14.149 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 148.94 ล้านบาท,หุ้นบริษัทปูนซีเมนต์ไทย (SCC)จำนวน 1 รายการ 223,000 หุ้นมูลค่าการซื้อขาย 52.508 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 235.46 ล้านบาท

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us