Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 มกราคม 2547
กองทุนรวมไทยมาแรงแชมป์ผลตอบแทนปี03             
 


   
search resources

มูดี้ส์ อินเวส-เตอร์ เซอร์วิส
เจเอฟ ฟันด์ส
ลิปเปอร์
เจฟ ลูอิส
Funds




ลิปเปอร์ยกกองทุนรวมไทยให้ผลตอบแทนสูงสุดในเอเชียในรอบปีที่ผ่านมา ขณะที่ กองทุนรวมไต้หวันติดอันดับโหล่สุด สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปีนี้ยังเข้าขั้นดี เพียงแต่ต้องระวังสถานการณ์ไข้หวัดนก

จากผลการสำรวจของลิปเปอร์บริษัทจัดอันดับ ความน่าเชื่อถือกองทุน ระบุว่าในปีที่ผ่านมา กองทุน รวมไทยให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 79% ตามด้วยอินโดนีเซีย 70.8% และจีนแผ่นดินใหญ่เกือบ 63%

อย่างไรก็ตาม แม้ประสบความสำเร็จงดงาม ทว่า กองทุนรวมของไทยยังไม่สามารถสะท้อนความ รุ่งโรจน์ของดัชนีเซ็ตที่พุ่งขึ้นถึง 117% ในปี 2003 และทำให้ตลาดหุ้นไทยกลายเป็นตลาดที่มีผลงานดีเด่นที่สุดของโลก

เจฟ ลูอิส หัวหน้าแผนกการลงทุนของเจเอฟ ฟันด์ส แสดงความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทย โดยอ้างอิงพื้นฐานเศรษฐกิจมหภาค และว่าปีที่ผ่านมา การลงทุนของภาคเอกชนหลั่งไหลเข้าไทยมากกว่า ประเทศขนาดเล็กอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้ และเขาเชื่อว่าแนวโน้มดังกล่าวจะยังคงอยู่ต่อ ไปในปีนี้

กระนั้นก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่า การระบาดของโรคไข้หวัดนกอาจกระทบต่อการเติบโตของไทย และบั่นทอนความสนใจของนักลงทุนต่างชาติ

ขณะเดียวกัน วาณิชธนกิจบางแห่งมีท่าทีระมัดระวังกับผลงานของกองทุนรวมในจีนในช่วง 2-3 เดือนนี้ พร้อมคาดว่าอาจมีการปรับฐานของ หุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกง จากที่เมื่อปีที่แล้วหุ้นกลุ่มนี้ขึ้นไปประมาณ 150% แต่สำหรับปีนี้ขยับลงแล้ว 6%

ปีที่ผ่านมา กองทุนรวมไต้หวันให้ผลตอบ แทนเพียง 19.4% ถือเป็นอันดับสุดท้ายในบรรดา 15 ประเทศที่ลิปเปอร์ทำการสำรวจ ทั้งนี้ เนื่อง จากไต้หวันพึ่งพิงเศรษฐกิจภายนอกมากกว่าฮ่องกง อีกทั้งมีปัจจัยการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
ส่วนตำแหน่งรองบ๊วยเป็นของกองทุนรวมมาเลเซีย ให้ผลตอบแทน 20.2%

สำหรับแนวโน้มข้างหน้า ผู้จัดการกองทุนกล่าวว่า กองทุนรวมจะโฟกัสที่ฮ่องกง มาเลเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย เพราะคาดหมายว่าตลาดหุ้นของประเทศเหล่านี้จะเดินหน้าตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนั้น นักลงทุนในกองทุนรวมยังอาจ อัดฉีดเงินเข้าสู่อินเดีย ประเทศเศรษฐกิจอันดับ 3 ของเอเชีย หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้ว มูดี้ส์ อิน-เวสเตอร์ เซอร์วิส เพิ่งปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อ ถือตราสารหนี้แดนภารตะมาสดๆ ร้อนๆ อีกทั้งเป็นที่คาดหมายกว้างขวางว่าเศรษฐกิจอินเดียปี หน้ามีสิทธิ์โตถึง 7-9%

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us