SCC ใจป้ำจ่ายปันผลอีก 3.50 บาท จากที่ปันผล ระหว่างกาลแล้ว 2.50 บาท หลังโชว์กำไรงวดปี
46 สูงเฉียด 2 หมื่น ล้านบาท เตรียมออกหุ้นกู้ล็อตใหม่ 10,000 ล้านบาท แทนชุดเดิมที่จะหมดอายุ
1 เมษายนนี้ เตรียมใช้เงินทุนประมาณ 3-4 พันล้าน บาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงเครื่องจักรที่เสื่อมสภาพ
มั่นใจยอดขายปีนี้โต 10% พร้อมขยายกำลังผลิตกระเบื้องปูพื้นมูลค่า 448 ล้านบาท
ยันไม่มีแผนซื้อกิจการใดๆ เพิ่ม เพราะเศรษฐกิจฟื้นมูลค่าธุรกิจปรับสูงขึ้น
นายชุมพล ณ ลำเลียง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูน ซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
(SCC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน บริษัทและบริษัทย่อยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บริษัทจึงเตรียมเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติให้จ่ายปันผลเพิ่มอีก
3.50 บาท รวมกับที่จ่ายปันผลระหว่างกาลมาแล้ว จำนวน 2.50 บาท ทำให้เท่ากับปี 46
SCC ปันผลทั้งสิ้น 6 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ SCC คาดว่า จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 10% และมีกำไรโตต่อเนื่องจากปีที่แล้ว
โดยผลการดำเนินงาน เมื่อเทียบกับปี 2546 ที่มียอดขายรวมกว่า 140,000 ล้านบาท หรือ
เพิ่มขึ้น 16% มีกำไรก่อนหักรายการพิเศษ 17,000 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 60% และมีกำไร
19,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนไตรมาส 4 ปี 46 บริษัทและบริษัท
ย่อย มียอดขายรวม 39,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% มีกำไรสุทธิ 5,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น
17% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลดี จากการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นของทุกสายธุรกิจ
ในเครือ
ปัจจัยที่สนับสนุนยอดขายให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ แนวโน้มของราคาปิโตรเคมีที่คาดว่าจะเพิ่ม
สูงขึ้นจากความต้องการของทั่วโลกที่มีมากขึ้น โดยมียอดขายรวมปี46 50,767 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากราคาปิโตรเคมีในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตไม่ได้เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่
เท่ากัน ขณะที่มองว่ารายได้จากธุรกิจซีเมนต์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขายกว่า
30,552 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน และ SCC ยืนยันว่าในปีนี้ยังไม่มีแผนปรับเพิ่มราคา
ปูนซีเมนต์แต่อย่างใด เพราะความต้องการใช้กับปริมาณการผลิตของตลาดในประเทศยังจะเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
ส่วนธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะทรงตัวซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับช่วง 1-2
ปีที่ผ่านมา และยังไม่มีปัจจัยบวกอื่นที่จะบอกว่าปีนี้ จะมีแนวโน้มดีขึ้น โดยธุรกิจนี้มียอดขายรวม
33,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน เนื่องจากยอดขายในประเทศสูงขึ้น
สำหรับการลงทุนเพิ่มนั้น ขณะนี้ยังไม่มีแผน ที่จะใช้เพิ่มลงทุนในโครงการใหม่ๆ
แต่ SCC มีแผนที่ จะใช้เงินทุนประมาณ 3-4 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงเครื่องจักรที่เสื่อมสภาพในโรงงานแต่ละแห่ง
และไม่มีแผนซื้อกิจการใดๆ เพิ่มเติมอีกเนื่องจากมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
ทำให้มูลค่าของธุรกิจต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น
นายชุมพลกล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2547 ว่า
ที่ประชุมมีมติอนุมัติโครงการขยายกำลังการผลิตกระเบื้องปูพื้นเซรามิกของบริษัทเดอะโสสุโก้
กรุ๊ป อินดัสทรี่ส์ จำกัด ซึ่งเครือซิเมนต์ไทยถือหุ้นร้อยละ 100 โดยโครงการดังกล่าวมีกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม
5.4 ล้านตารางเมตรต่อปี จากกำลังการผลิตปัจจุบัน 14.5 ล้านตารางเมตรต่อปี และมีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น
448 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนมกราคม 2548
พร้อมกันนี้ ให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ครั้งที่ 1/2547 หรือ SCC084A จำนวนไม่เกิน
10,000 ล้านบาท เนื่องจากหุ้นกู้เดิม ครั้งที่1/2542 หรือ SCC044A และ ครั้งที่
2/2542 หรือ SCC044B รวมทั้งสิ้นจำนวน 14,000 ล้านบาท จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่
1 เมษายน 2547 และเพื่อทดแทนเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวของธนาคาร
หุ้นกู้ดังกล่าวเป็นประเภท ระบุชื่อผู้ถือ ไม่มีหลักประกัน ไม่ด้อยสิทธิและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
สกุลเงินบาท เสนอขาย Public Offering (PO) โดยเสนอขายเฉพาะผู้ถือหุ้นกู้ SCC044A
และ SCC044B ประเภทบุคคลธรรมดาตามจำนวนหุ้นกู้ที่ถือ ณ วันปิดสมุดทะเบียน เพื่อการไถ่ถอน
และอีกส่วนหนึ่งจะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ประเภทบุคคลธรรมดาของ SCC ทุกรุ่น
และบริษัทเยื่อกระดาษสยาม จำกัด (มหาชน) ทุกรุ่น
ทั้งนี้ ให้การเสนอขายดังกล่าวรวมถึงผู้บริหารของ SCC ที่ถือหุ้นกู้ SCC044A
SCC044B และชุดอื่นๆ ของ SCC และ บริษัทเยื่อกระดาษสยาม จำกัด (มหาชน) ด้วย อายุ
4 ปี ออกหุ้นกู้วันที่ 1 เมษายน 2547 และครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 1 เมษายน 2551 (ไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มจำนวน)
อัตราดอกเบี้ยคงที่ ตามราคาตลาดในขณะที่ออก จ่ายดอกเบี้ย ทุกๆ 3 เดือน (1 มกราคม
1 เมษายน 1 กรกฎาคม และ 1 ตุลาคม) กำหนดระยะเวลาจองซื้อ ระหว่างวันที่ 8-30 มีนาคม
2547
นายกานต์ ตระกูลฮุน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ SCC กล่าวว่า ปีนี้ SCC มีหุ้นกู้ที่จะครบดีลในเดือนเมษายนจำนวน
14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้จำนวน 8,800 ล้านบาท มีดอกเบี้ยจ่ายที่ 10.5% เป็นล็อตที่จ่ายสูงเมื่อเทียบกับทุกล็อตที่ผ่านมา
และเดือนพฤศจิกายนนี้จำนวน 6 พันล้านบาท ซึ่งหุ้นล็อตนี้ต้องดูถึงความต้องการใช้เงินทุนของบริษัทก่อนว่าจำเป็นต้องใช้หรือไม่
รวมทั้งดูความต้องการของผู้ถือหุ้นหรือผู้ที่ถือหุ้นกู้เดิมอยู่แล้วว่าต้องการซื้อหุ้นกู้ล็อตใหม่หรือไม่
ถึงเวลานั้นจึงจะบอกได้ว่าบริษัทจะออกหุ้นกู้ล็อตใหม่อีกหรือไม่ อย่างไร
โดยแผนงานของบริษัท แต่ละปีต้องการลดหนี้ได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทหรือเดือนละประมาณกว่า
1 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมี อัตรา ส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.13ต่อ 1 เท่า
พร้อมกับให้ความสำคัญต่อ debt to ebitda ที่บริษัทต้องการเห็นที่ระดับ 3 เท่าในปีนี้
ขณะที่บริษัทจะพิจารณาจากการใช้เงินลงทุนในแต่ละปีด้วยว่า ปีนั้นๆ จำเป็นต้องใช้เงินทุนเท่าใด
ซึ่งในปี 46 บริษัท ลดหนี้ได้ถึง 12,000 ล้านบาท เพราะบริษัทไม่มีการลงทุนเพิ่มในระยะนี้
การลดหนี้ของบริษัทตามแผนนั้น ทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงตามยอดมูลหนี้ที่ลดน้อยลง
ส่งผลต่อการดำเนินงานที่ดีขึ้นตามลำดับ คณะกรรมการบริษัทปูนซิเมนต์ไทยจึงเห็นควรเสนอที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น
เพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 6.00 บาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา หุ้นละ 2.50 บาทเมื่อวันที่
28 สิงหาคม 2546 และจะจ่ายเงินปันผลประจำปี 2546 งวดสุดท้าย ในอัตราหุ้นละ 3.50
บาท ในวันที่ 21 เมษายน 2547 โดยจะปิดสมุดจดทะเบียนพัก การโอนหุ้นเพื่อสิทธิรับเงินปันผลในวันที่
8 เมษายน 2547
สำหรับราคาหุ้น SCC วานนี้ปิดที่ 242 บาท ลดลง 4 บาท เปลี่ยนแปลง 1.63% มูลค่าการซื้อขาย
395.17 ล้านบาท