Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2547








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2547
The Man Who Tried to Buy the World             

 





อวสานของชายผู้พยายามซื้อโลก

Jean-Marie Messier เคยได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้สร้างอาณาจักรธุรกิจของฝรั่งเศสที่ทะเยอทะยานที่สุด เขาเป็นสัญลักษณ์ของนักธุรกิจรุ่นใหม่ของฝรั่งเศส ที่ศรัทธาในแนวคิดการประกอบการในแบบทุนนิยมอเมริกัน แทนที่จะยึดตามแบบทุนนิยมโดยรัฐของยุโรปเก่า ทำให้ภายในเวลาเพียง 6 ปีที่เขายึดกุมตำแหน่ง CEO ของ Vivendi Universal เป็นเวลาที่ Messier ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้าซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินทรัพย์ขนาดใหญ่อย่าง MCA Records, Universal Studios, USA Networks ไปจนถึงสวนสนุก บริษัทวิดีโอเกม และบริษัทอินเทอร์เน็ต

แต่พอถึงปี 2002 Messier ก็ได้ตกเป็นเหยื่อแห่งความทะเยอทะยานของตนเอง เมื่อเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเขาได้ซื้อทรัพย์สินมามากเกินกว่าที่บริษัทของเขาจะจัดการได้

Jo Johnson และ Martine Orange ผู้แต่งซึ่งเป็นนักข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน ได้สำรวจความทะเยอทะยานและความผิดพลาดของ Messier และเจาะลึกถึงปัญหาที่นำไปสู่จุดจบของเขา ซื้อสะท้านโลก

Vivendi เป็นเพียงบริษัทผลิตน้ำประปาเล็กๆ ของฝรั่งเศส ส่วน Jean-Marie Messier เข้ามาบริหาร Vivendi ตั้งแต่ปี 1994 เพียง 6 ปีต่อมาเขาก็สามารถเขย่าโลกด้วยข่าวการซื้อบริษัท Seagram ซึ่งเป็นเจ้าของ Universal Music บริษัทเพลงยักษ์ใหญ่ของโลก ด้วยเงินที่สูงถึง 4 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์ และกำลังจะเตรียมทุ่มเงินอีกกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์เพื่อสร้างบริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เป็นรองก็แต่เพียง AOL Time Warner บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯเท่านั้น ถ้าหากว่าเขาไม่ถูกดำเนินการสอบสวนในคดีอาชญากรรมเมื่อต้นปี 2003 เสียก่อน Messier ถูกสอบสวนทั้งจากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ และอัยการของฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังถูกสอบสวนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ทั้งของสหรัฐฯ และฝรั่งเศส และแล้วอาณาจักรธุรกิจยิ่งใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นความภาคภูมิ ใจของฝรั่งเศสก็กลับกลายเป็นบริษัทที่ขาดทุนอย่างย่อยยับและชื่อเสียงถูกทำลายอย่างป่นปี้

ความทะเยอทะยานที่กัดกินเจ้าของ

ผู้แต่งอธิบายบุคลิกภาพของ Messier ว่าเป็น "ส่วนผสมของความหยิ่งยโสอย่างเทคโนแครตชาวฝรั่งเศส บวกกับความอยากเด่นดังแบบดาราฮอลลีวู้ด และมาดของวาณิชธนกิจ" ผู้ซึ่งตาบอดหูหนวกต่อคำทัดทานของหัวหน้าฝ่ายการเงินของตนเอง และปฏิเสธที่จะรับฟังเหตุผลใดๆ ความเชื่อมั่นในตัว ผู้นำลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ความคลางแคลงสงสัยในตัวผู้นำกลับกลายเป็นการดูถูกเหยียดหยามในช่วงวันสุดท้ายของ Messier ซึ่งราคาหุ้นของ Vivendi ตกลงจนไม่เหลือค่าและ Messier ทะเลาะกับทุกคนรอบข้างไม่เว้นแม้แต่นักข่าวและหนังสือพิมพ์

แม้คณะกรรมการบริษัทจะขอร้องหลายครั้งให้เขาลาออกจากตำแหน่งสูงสุดของ Vivendi แต่ Messier ก็ยังคงดื้อแพ่ง แต่สุดท้ายเมื่อผู้ที่ภักดีต่อเขาที่สุดยังหันหลังให้แก่เขา Messier ก็จำต้องยอมรับชะตากรรมเมื่อถูกขอร้องจากคณะกรรมการเป็นครั้งสุดท้ายให้ลาออก และทันทีที่เขาถูกขับออกจากตำแหน่ง อาณาจักรทางธุรกิจขนาดมหึมาที่เขาสร้างขึ้น ก็ล่มสลายและสิ้นชื่อไปอย่างรวดเร็ว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us