เป็นที่น่าสังเกตว่า นับจากปี 2002 เป็นต้นมา ผู้ผลิตรถหรูราคาแพงส่วนใหญ่ต่างออกรถรุ่นใหม่
เพื่อเอาใจนักขับที่เปลี่ยนโฉมหน้าไปเกือบจะโดยสิ้นเชิง จากการที่เจ้าของรถหรือผู้บริหารระดับสูง
ซึ่งส่วนใหญ่ต้องมีโชเฟอร์ประจำตัวกลับหันมานั่งหลังพวงมาลัยเสียเอง แทนที่จะปล่อยให้เป็นภาระของโชเฟอร์
แล้วตนนั่งอยู่ตรงเบาะหลังที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาหรือสิ่งหย่อนใจสารพัดอย่าง
เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ผู้ผลิตพอใจเอามากๆ เสียด้วยโดยเฉพาะในแง่ของการทำตลาด
เพราะสามารถเชียร์เจ้าของรถที่ลงมือขับเองได้เต็มที่ว่า จะมีอะไรวิเศษยิ่งไปกว่าการได้นั่งหลังพวงมาลัยรถหรูคันโปรด
จากนั้นก็โชว์ฝีมือบังคับรถจนผู้คนได้ประจักษ์ถึงความเป็นเลิศเชิงวิศวกรรมไร้ที่ตินั้น
ในบรรดารถหรูราคาแพงดังกล่าว S-Class ของ Mercedes ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี
1998 ยังครองตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ดี ตามด้วย Phantom ซึ่ง Rolls-Royce เคยอ้างว่า
80 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้ารถหรูรุ่นนี้ชอบขับเอง ปัจจุบันแม้ว่า Phantom จะเปลี่ยนมือเป็นของค่าย
BMW และผลิตที่ Goodwood ประเทศอังกฤษ แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมคือความเป็นรถใหญ่ไว้อย่างคงเส้นคงวา
จุดเด่นที่เป็นที่ชื่นชอบหลังเปลี่ยนเจ้าของแล้วก็คือ การออกแบบให้แผงกันแดดซ่อนตัวอยู่กับส่วนของประตูด้านหลัง
เมื่อ Volkswagen ออก Phaeton 4 ประตู ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่นอกจากจะมีคุณสมบัติเหนือกว่ารถคู่แข่งส่วนใหญ่ที่อยู่ในประเภทเดียวกันแล้ว
ยังอ้างว่ารุ่น W12 สามารถรักษาอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้อยู่ที่ระดับ 22
องศาเซลเซียสขณะขับด้วยความเร็วคงที่ 186 ไมล์ต่อชั่วโมง ณ อุณหภูมิถนน 50
องศาเซลเซียส แต่เป็นการกล่าวอ้างที่ยังไม่รับรองอย่างเป็นทางการ
วงการตั้งข้อสังเกตว่า ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของ Phaeton ออกจะโฉ่งฉ่างวัยโจ๋มากกว่าลูกค้าของ
Audi A8 ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าสุขุมกว่า สำหรับรุ่น A8L ก็ยังคงเอกลักษณ์ของ
Audi คือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โครงสร้างอะลูมิเนียม นอกจากนี้ เทคโนโลยียังมีความเป็นมิตรกับผู้ใช้มากที่สุดเมื่อเทียบกับรถในตลาดบนด้วยกัน
ค่าย Maserati เปิดตัว Quattroporte ครั้งแรกในงาน Frankfurt Show เดือนกันยายนที่ผ่านมา
ซึ่งถือเป็นช่วงจังหวะที่ดีทีเดียว เริ่มจากรุ่น 3200GT ตามด้วย Coupe และ
Spyder จุดเด่นของ Quattroporte คือยังคงสไตล์การออกแบบตกแต่งภายในตามแบบฉบับของ
Maserati ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างหนังและไม้
การติดตั้งโต๊ะปิกนิกแบบพับได้ และนาฬิกาบนแผงหน้ารถ (dashboard) พร้อมแบรนด์
เมื่อพิจารณาในแง่สมรรถนะนั้น เป็นที่รู้กันว่า Quattroporte มีความเร็วราว
170 ไมล์ต่อชั่วโมง