Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2547








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2547
N.C.Housing สีสันใหม่ในกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้             
โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
 

   
related stories

สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม ต้องเรียกเขาว่า "คุณหมอ"

   
search resources

วังทองกรุ๊ป
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้, บมจ.
เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง, บมจ.
เอ็น.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์
เอส.ซี. คอนสตรัคชั่น แอนด์ เดคคอร์เรชั่น
ควอลิตี้ ลีฟวิ่ง แมเนจเม้นท์
สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม
นำชัย ตันฑเทอดธรรม
Real Estate




หากเมื่อก่อนหน้าไม่นานมานี้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ถือเป็นหุ้นน้องใหม่ ที่สามารถเข้าไปสร้างสีสันให้กับกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาด แต่ในปีนี้ บทบาทดังกล่าวน่าจะเป็นของ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง

ชื่อ "เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง" อาจไม่เป็นที่คุ้นเคยของผู้คนที่ต้องการมองหาที่อยู่อาศัย เท่ากับชื่อของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่บริษัทนี้เป็นผู้สร้าง ซึ่งชื่อส่วนใหญ่ของทุกโครงการ จะใช้คำว่า "บ้านฟ้า" นำหน้า

"คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าคำว่า "บ้านฟ้า" เป็นแบรนด์ของเรา หลายคนจะรู้จักชื่อนี้ แต่หลังจากนี้ เมื่อเราต้องเตรียมตัวเข้าตลาดฯ เราคงต้องเปลี่ยนให้คนมารู้จัก กับชื่อของ "เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง" มากขึ้น" สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง บอกกับ "ผู้จัดการ"

ตามแผนการ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง เตรียมยื่นไฟล์ลิ่งเพื่อขออนุมัติในการนำหุ้นออกมากระจายขายให้กับประชาชนทั่วไป ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ และคาดว่าหุ้นของบริษัทจะสามารถเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ ประมาณเดือนมีนาคมหรือเมษายน

เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 266 ล้านบาท ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ โดยทาวน์เฮาส์มีระดับราคาตั้งแต่ 9 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยว ระดับราคา ตั้งแต่ 2 ล้านบาท ไปจนถึง 4-5 ล้านบาท

"เราโฟกัสกลุ่มลูกค้าของเราอยู่ในระดับกลางขึ้นไป"

ซึ่งกลุ่มลูกค้าระดับดังกล่าว จัดอยู่ใน segment เดียวกับลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ที่เพิ่งเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่นานนักก่อนหน้านี้

หากนับจากอายุการก่อตั้งบริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง อาจไม่ใช่บริษัทที่เก่าแก่เหมือนแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ ลลิลพร็อพเพอร์ตี้ แต่หากดูจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในตระกูลตันฑเทอดธรรมแล้ว อยู่ในกลุ่มของนักพัฒนาอสังหา ริมทรัพย์รายแรกๆ ของ เมืองไทย

นำชัย ตันฑเทอดธรรม บิดาของ สมเชาว์เป็นนักจัดสรรที่ดิน รุ่นเดียวกับสุนทร เปรม ฤทัย, โชคชัย ปัญจทรัพย์ หรืออนันต์ สุขสันต์ ที่มีโครงการซึ่งโด่งดังมากเมื่อกว่า 30 ปีก่อน ที่สำคัญเป็นผู้ร่วมก่อตั้งวังทองกรุ๊ป ก่อนที่จะแยกตัวออกมาตั้งบริษัทเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ในปี 2537

"ชื่อ เอ็น.ซี.ก็มาจากชื่อย่อของคุณพ่อ"

ก่อนหน้าวิกฤติการเงินในปี 2540 เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง เปิดโครงการไปแล้ว 5 โครงการด้วยกัน ทั้งหมดอยู่ในย่านรังสิต ปทุมธานี เริ่มจากโครงการแรกคือบ้านฟ้ารังสิต ที่คลอง 4 และบ้านฟ้าคลองหลวงในปี 2537 ตามด้วยบ้านฟ้าทอฝัน ที่รังสิต คลอง 7 และบ้านฟ้าชมพฤกษ์ ที่รังสิต คลอง 8 ในปีถัดมา ส่วนในปี 2539 เปิดโครงการเดียวคือ บ้านฟ้าลากูน ที่รังสิต คลอง 1

ทั้ง 5 โครงการประสบความสำเร็จ ตามภาวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนั้น

หลังเกิดวิกฤติลดค่าเงินบาท เอ็น. ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ต้องดิ้นรนอย่างหนัก เพื่อประคองตัวให้ผ่านพ้นสถานการณ์ในช่วงนั้นให้ได้

"ตอนนั้นปั่นป่วน แต่ของเราโชคดี เพราะโครงการที่เปิดไปแล้ว 5 โครงการ โอนไปเกือบครึ่งแล้ว แต่ที่เหลือก็ยังไม่โอน พอมีปัญหา คนก็ทิ้งดาวน์ ไม่รับโอน แม้บ้านจะสร้างเสร็จแล้ว นอกจากนี้ยังมีพวกที่ผ่อนอยู่ก็หยุดผ่อน แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่อยากได้บ้าน คือมีกำลังและมีเงินส่ง ก็มาโอน" เขาเล่า

ซึ่งคนกลุ่มหลังนี้เองที่เหมือนเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตให้เอ็น.ซี.จนผ่านพ้นวิกฤติ

"ตอนมีปัญหาเราก็ประชุมกัน หาทางว่าจะทำอย่างไรดี ก็ตกลงกันว่า สำหรับ คนที่อยากได้บ้าน ต้องรีบโอนให้เขา เพื่อที่จะปิด job บ้านที่จวนจะเสร็จ เราก็รีบทำให้เสร็จ เพื่อโอนให้กับคนที่อยากได้บ้าน แต่บ้านที่ยังไม่ได้สร้าง ก็หยุดไปเลย ไม่สร้าง เพราะฉะนั้นส่วนหนึ่งก็ทำให้เราไม่ต้องจ่ายออก อีกส่วนหนึ่งคือเรารีบรับเข้า ก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปได้"

กลยุทธ์สำคัญอีกประการหนึ่งซึ่งเอ็น.ซี.นำมาใช้ คือการเปิดบริษัทใหม่ เพื่อหารายได้มาหล่อเลี้ยงพนักงานที่มีอยู่ เพราะนโยบายของ เอ็น.ซี.ยืนยันที่จะไม่ปลดพนักงานออกแม้แต่คนเดียว

เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ได้เปิดบริษัทลูกขึ้น 3 บริษัท คือ บริษัทเอ็น.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ เพื่อรับประมูลงานก่อสร้างของ ราชการ ซึ่งบริษัทนี้จะรับหมดไม่ว่าเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ บริษัทเอส.ซี.คอนสตรัคชั่น แอนด์ เดคคอร์เรชั่น รับสร้างบ้าน ให้กับลูกค้าที่มีที่ดินของตัวเองภายนอกโครงการ และบริษัทควอลิตี้ ลีฟวิ่ง แมเนจ เม้นท์ รับบริหารโครงการให้กับลูกค้า คือหมู่บ้านที่สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งต้องมีคนบริหาร คล้ายนิติบุคคลของหมู่บ้าน

"ก็เอาพนักงานขายไปเป็นพนักงาน บริหารชุมชน เพื่อรักษาคนไว้"

แต่จุดที่ทำให้ เอ็น.ซี.สามารถกลับพลิกฟื้นฐานะขึ้นมาได้ มีอยู่ 2 จุดด้วยกัน จุดแรก คือการปรับเปลี่ยนสัญญาซื้อขายกับลูกค้าให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น เพื่อดึงดูดความมั่นใจในการเข้ามาซื้อบ้าน โดย สัญญาที่ เอ็น.ซี.นำออกมาใช้หลังจากเกิดวิกฤติ คือการให้ลูกค้าจ่ายผ่อนเงินดาวน์บ้าน ตามความคืบหน้าของงวดงาน โดยก่อนจะจ่ายดาวน์แต่ละครั้งลูกค้าต้องเข้ามาตรวจรับงานก่อน หากไม่เสร็จตามสัญญา ลูกค้าก็ไม่ต้องจ่ายเงินงวดนั้น

สมเชาว์ค่อนข้างภาคภูมิใจกับการตัดสินใจแก้ไขสัญญาตรงนี้ เพราะเขาเชื่อว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายของเอ็น.ซี.ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤติ

"ในปี 2541 เรายังทำยอดขายได้ 200 กว่าล้านบาท ปี 2542 ทำได้ 600 กว่าล้านบาท และปี 2543 ยังได้อีก 800 กว่าล้านบาท ซึ่งถือว่าดีมากในช่วงวิกฤติขนาด นั้น"

อีกจุดหนึ่งคือ การได้มีเวลาทบทวน จุดเด่นและจุดด้อยของตนเอง เพื่อปรับปรุง ให้สามารถสร้างความมั่นคงให้กับบริษัท

จุดเด่นที่ เอ็น.ซี.สามารถสร้างสรรค์ ขึ้นมาได้ คือแบบบ้าน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือแบบบ้านทรงไทยประยุกต์ และกรีนพาร์ค ซึ่งทั้ง 2 แบบต่างโดนใจลูกค้าที่เข้ามาชมบ้านตัวอย่าง

ส่วนจุดที่อาจจะสร้างความเสี่ยงให้กับบริษัทในอนาคต คือ แลนด์แบงก์ ส่วน ใหญ่ที่บริษัทมีอยู่ในเขตปทุมธานี ดังนั้น เมื่อฐานะของบริษัทดีขึ้น จึงเริ่มสะสมแลนด์แบงก์ใหม่ เพื่อกระจายโครงการออก ไปในย่านปริมณฑลอื่นๆ ของกรุงเทพฯนอกเหนือจากปทุมธานี

เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง เริ่มกลับมาเปิดโครงการใหม่อีกครั้งในปี 2543 คือโครงการจันทิมาปาร์ค ที่ถนนพุทธมณฑลสาย 5 แต่โครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง คือโครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ที่ถนนรังสิต-ลำลูกกา คลอง 6 ซึ่งเปิดในปี 2544 โดยใช้จุดขายเป็นบ้านทรงไทยประยุกต์

"โครงการนี้เปิดครั้งแรก 371 ยูนิต ปรากฏว่า 3 เดือนขายหมด ก็ถือว่าประสบ ความสำเร็จ เพราะปีนี้ตลาดบ้านยังไม่มีใครเชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้นแล้ว"

ปัจจุบัน เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง มีโครงการ ที่เปิดไปแล้วมากกว่า 24 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,795 ล้านบาท และฐานะของบริษัทเริ่มกลับมามีกำไรต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2543

ด้วยความพร้อมเช่นนี้สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม จึงมีแนวคิดที่จะให้เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us