ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ต้อนรับปีใหม่ด้วยความเคลื่อนไหวหลายสิ่งหลายอย่าง
จนหลายคนต้องตั้งคำถามอยู่ในใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับธนาคารแห่งนี้
โดยปกติในช่วงปีใหม่ของทุกๆ ปี ธนาคารกสิกรไทยจะจัดงานเลี้ยงเพื่อร่วมสังสรรค์กับสื่อมวลชน
หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกันมาตลอดทั้งปี และแทบจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่บัณฑูร
ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จะต้องมาร่วมงานด้วยทุกครั้ง และก็อีกเช่นกัน
ที่บัณฑูรจะต้องพูดบางอย่าง ที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มและทิศทางเศรษฐกิจโดยรวม
โดยเฉพาะธุรกิจการเงินการธนาคารในปีที่กำลังจะมาถึง ซึ่งคำพูดของเขาแต่ละปี
มักจะเป็นคำพูดที่แฝงนัยซึ่งมีความหมายและเป็นที่กล่าวถึงของหลายคน และอาจมีผลต่อสังคมในวงกว้าง
แต่งานสังสรรค์สื่อมวลชนในปีนี้แตกต่างไปจากทุกครั้ง โดยธนาคารกสิกรไทยได้เชิญสื่อมวลชนประมาณ
40 คนไปร่วมงานปีใหม่ พร้อมงานแถลงข่าวโครงการ KBANK-OTOP ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่
ระหว่างวันที่ 10-12 มกราคม ที่ผ่านมา
10 โมงครึ่งของวันที่ 10 มกราคม ขณะรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน เจ้าหน้าที่จาก
KBANK ได้แจกเอกสาร แจ้งกำหนดการเดินทาง และเอกสารแนะนำผู้บริหารธนาคาร โดยมีโน้ตสั้นๆ
จากบัณฑูร ล่ำซำ แนบมากับเอกสารดังกล่าว ทำให้รู้ได้ว่า งานปีใหม่ปีนี้เขาคงไม่ได้เดินทางขึ้นไปร่วมงานด้วย
เนื่องจากติดภารกิจสำคัญบางอย่าง
ที่เชียงใหม่ คณะเดินทางได้เยี่ยมชมธุรกิจ SME ที่บ้านศิลาดล บ้าน 100
อัน 1,000 อย่าง และถนนคนเดินสันกำแพง และปิดท้ายด้วยการเข้าชมช่วงช่วง และหลินฮุ้ย
หมีแพนด้า ซึ่งเป็นทูตสันถวไมตรีจากประเทศจีน ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ก่อนที่งานเลี้ยงปีใหม่จะเริ่มขึ้นในช่วงหัวค่ำของคืนวันอาทิตย์
งานเลี้ยงที่จัดขึ้นบริเวณริมสระน้ำโรงแรมพรพิงค์เป็นไปอย่างเรียบง่ายและเป็นกันเอง
โดยมีธงชัย เจริญสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิภัชธุรกิจ ซึ่งว่ากันว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร
ที่ให้ความสนิทสนมกับบรรดาผู้สื่อข่าวมากที่สุด เป็นประธานในงาน พร้อมกล่าวแนะนำโครงการ
KBANK-OTOP อย่างสั้นๆ
แต่ดูเหมือนเนื้อหาที่มีสาระที่สุดในงาน คือการแนะนำทีมผู้บริหารคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่
ซึ่งส่วนหนึ่งจะได้รับมอบหมายให้เข้ามารับผิดชอบงานในส่วน Consumer Finance
ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในธุรกิจธนาคาร และหลายคนในจำนวนนี้เพิ่งเข้ามาเริ่มงานกับธนาคารเมื่อวันที่
1 มกราคมที่ผ่านมานี่เอง
กลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ อาทิ ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์บริหารเงิน
ปิติ ตัณฑเกษม ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการขายทางสาขา และพิพิธ เอนกนิธิ ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อวิภัชธนกิจ
เป็นอันเสร็จสิ้นงานเลี้ยงปีใหม่ประจำปี 2547 ที่ว่าไปแล้ว สาระของงานมีน้อยกว่าความสนุกสนานที่ธนาคารพยายามเสนอให้
เช้าวันจันทร์ที่ 12 มกราคม ขณะที่ผู้สื่อข่าวทั้งหมด กำลังเดินทางกลับโดยเครื่องบินจากเชียงใหม่
มาสู่กรุงเทพฯ ธนาคารกสิกรไทย ก็ได้แจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า
ได้ดำเนินการไถ่ถอนหุ้นบุริมสิทธิ (สลิปส์) มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นภาระที่ทำธนาคารต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่สูงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ความเคลื่อนไหวนี้ กลับไม่มีการพูดออกจากปากของผู้บริหารในงานสังสรรค์ปีใหม่ที่เพิ่งเสร็จสิ้นลง
การไถ่ถอนสลิปส์ของธนาคารกสิกรไทย ทำให้ธนาคารมีความเป็นไท สามารถดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย
และกลยุทธ์ที่วางไว้ได้อย่างคล่องตัว
และก็เช่นเดียวกัน เวลา 11.00 น.ของวันอังคารที่ 13 มกราคม เพียงไม่ถึง
24 ชั่วโมง หลังจากเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ สื่อมวลชนเกือบทุกสื่อได้รับแจ้งจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ธนาคารกสิกรไทยว่า
บัณฑูร ล่ำซำ จะจัดแถลงข่าวด่วนในเวลา 14.00 น. ที่บริเวณชั้น 8 อาคารสำนักงานใหญ่
โดยหัวข้อที่เขาจะแถลง "ไม่เป็นที่เปิดเผย"
ช่วงแรกหลายคนคาดเดาว่า อาจเป็นการแถลงข่าวการลาบวชของบัณฑูร ล่ำซำ ซึ่งได้มีกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วในวันที่
17 มกราคม แต่ยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
แต่ความจริง หาเป็นเช่นนั้นไม่
การแถลงข่าวครั้งนี้ กลับเป็นการแถลงข่าวการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่
ที่เพิ่งผ่านมติที่ประชุมคณะกรรมการของธนาคารมาสดๆ ร้อนๆ ในช่วงเช้า
ในโครงสร้างใหม่ คณะกรรมการได้มีมติอนุมัติตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
(CEO) ขึ้นมาในผังโครงสร้างองค์กรของธนาคารอย่างเป็นทางการ
ตำแหน่งนี้บัณฑูรได้เคยกล่าวไว้ในงานเลี้ยงสังสรรค์สื่อมวลชนตั้งแต่เมื่อปลายปี
2545 ว่าเขาได้เข้าไปรับตำแหน่งนี้แล้ว แต่คณะกรรมการกลับเพิ่งมีมติอนุมัติตำแหน่งให้หลังจากผ่านพ้นไปแล้วถึง
1 ปี
สำหรับมติครั้งล่าสุด คณะกรรมการได้แต่งตั้งให้บัณฑูร ล่ำซำ เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
และที่สื่อมวลชนทุกคนตื่นเต้นที่สุดคือการแต่งตั้งประสาร ไตรรัตน์วรกุล ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการแทนบัณฑูร
การแต่งตั้งครั้งนี้ ให้มีผลอย่างเป็นทางการเมื่อได้ผ่านการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น
ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่จะจัดในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้
ประสารเพิ่งจะพ้นวาระการดำรงตำแหน่งเลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งก่อนพ้นจากวาระในตำแหน่งดังกล่าว
ได้สร้างความหงุดหงิดให้เกิดขึ้นในหมู่นักลงทุนในตลาดหุ้นพอสมควร จากมาตรการสกัดการเก็งกำไรที่เขาประกาศออกมา
ว่ากันว่าบัณฑูรได้ชักชวนให้ประสารเข้ามารับตำแหน่งนี้ ก่อนหน้าที่เขาจะหมดวาระในตำแหน่งเลขาธิการ
ก.ล.ต. ประมาณ 3-4 เดือน
"ดร.ประสาร กับคุณปั้นเป็นเพื่อนเก่ากันมานานแล้ว และคุณปั้นชอบคุณประสาร
เพราะเห็นว่าเป็นคนที่สะอาด" คนในธนาคารกสิกรไทยเล่าให้ฟัง
ทั้งบัณฑูรและประสาร รู้จักกันเมื่อครั้งที่ทั้งคู่เรียนระดับปริญญาโท
อยู่ที่มหาวิทยาลัย Harvard สหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 2519-2521
ในเอกสารชี้แจงจากธนาคาร ระบุว่าบัณฑูรในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังคงเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบสูงสุดของผลประกอบธุรกิจโดยรวมของธนาคาร
โดยจะดูแลทิศทาง ยุทธศาสตร์ แสวงหาโอกาส รูปแบบและสัมพันธภาพธุรกิจใหม่ และควบคุมนโยบายทรัพยากรบุคคล
ส่วนประสารในฐานะกรรมการผู้จัดการ จะดูแลการปฏิบัติการทุกด้านของธนาคาร
ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ที่กำหนด โดยเป็นผู้สั่งการและประสานงานระหว่างทุกสายงาน
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับธนาคารกสิกรไทย ในสัปดาห์ที่ 2 ของปีใหม่
เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าติดตาม
เป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในช่วงที่แผนแม่บทของสถาบันการเงิน เพิ่งประกาศใช้ออกมาอย่างเป็นทางการ
และมีการคาดหมายกันว่า ด้วยแผนดังกล่าว จะมีผลให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทย
เหลืออยู่เพียง 2-3 แห่ง เพราะต้องถูกควบรวมกับธนาคารอื่นๆ เพื่อให้มีความแข็งแรงพร้อมรับการเข้ามาทำธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบของธนาคารพาณิชย์ต่างชาติ
ในอีกไม่กี่ปีนี้