แบงก์กรุงศรีอยุธยา โชว์ผลงานปี 2546 กำไรสุทธิรวมกว่า 3 พันล้านบาท หลังจากตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ
3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 44% สาเหตุหลักกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้น พร้อมตั้งเป้าปีนี้เดินหน้าลดเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอต่อ
ด้านสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด นครธน กำไรสุทธิ 720 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% เหตุจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิหลังหักหนี้สูญ
และหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 249 ล้านบาท
นายจำลอง อติกุล กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY เปิดเผยถึง
ผลการดำเนินงานประจำปี 2546 สิ้น สุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546 ว่า ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงาน
6,485 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายเพิ่มทุน 425 ล้านบาท ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 3,000
ล้านบาท และภาษีเงินได้ 7 ล้านบาท ทำให้คงเหลือกำไรสุทธิ 3,053 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น
1.39 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของ ปีก่อนกำไรสุทธิ 2,119 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น
1.15 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 44.07%
โดยผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น มีสาเหตุหลักจากรายได้ ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น
จากปีก่อนประมาณ 23% และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นประมาณ 76% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากกำไรจากเงินลงทุน
รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นประมาณ
15% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่าย ในการเพิ่มทุน
อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 3,000 ล้านบาท
เทียบกับปีก่อนตั้งสำรองฯ เพียง 600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 5 เท่า
ทั้งนี้เพื่อ ให้ครอบคลุมเงินสำรองพึงกันจากการประเมินตามเกณฑ์ Judgement ของธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ที่ได้เข้าตรวจสอบธนาคารในรอบปีที่ผ่านมา
ด้านฐานะการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงประมาณ 15%
หลังจากได้เพิ่มทุนจำนวน 10,000 ล้าน บาท ในเดือนสิงหาคม 2546 และออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวน
12,000 ล้านบาท ในเดือนพฤศจิกายน 2546 โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ในช่วง 5 ปีแรก
พร้อมไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิ จำนวน 8,000 ล้านบาท ที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 12.5
แล้ว
ขณะที่ด้านการปล่อยสินเชื่อนั้น ในปีที่ผ่านมา ธนาคารสามารถ ปล่อยสินเชื่อได้สูงกว่าเป้าหมาย
คือ ยอดปล่อยสินเชื่อรวมทั้งสิ้นประมาณ 28,000 ล้านบาท จากเป้า ที่ตั้งไว้เพียง
18,500 ล้านบาท ส่วน หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็น-พีแอลได้ปรับลดลงจากการปรับโครงสร้างหนี้เหลือประมาณ
15% จากสิ้นปี 2545 อยู่ที่ระดับ 20%
"ในปีนี้ นอกจากเป้าหมายการ ลดเอ็นพีแอลลงแล้ว ธนาคารยังตั้งเป้าลดสินทรัพย์รอการขายหรือเอ็นพีเอให้หมดโดยเร็ว
โดยในปี 2546 ธนาคารจำหน่ายเอ็นพีเอถึง 7,000 ล้าน บาท ทำให้มีกำไรจากการขายประมาณ
500 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะสามารถขายได้ อีกไม่น้อยกว่า 7,000 ล้านบาท จากยอดคงเหลือ
ณ สิ้นปี 2546 อยู่ที่ 15,800 ล้านบาท"
สแตนดาร์ดฯกำไรสุทธิพุ่ง 62%
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน หรือ SCNB รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2546
ว่า ธนาคารกำไรสุทธิ 720.52 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.03 บาท เทียบกับปีก่อนกำไรสุทธิ
444.96 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.64 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 61.93% โดยมีปัจจัยหลักคือ
รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิหลังหักหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 249
ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของต้นทุนดอกเบี้ยเงินฝากที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องและการ
ปรับลดลงเงินกันสำรองหนี้สูญและสงสัยจะสูญ
ด้านค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 31 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ เกิดจากเงินจ่ายเข้ากองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงินลดลง
31 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอื่นลดลงจำนวน 143 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารสถานที่และอุปกรณ์
เพิ่มขึ้นจำนวน 68 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้นจำนวน 62 ล้านบาท