Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน16 มกราคม 2547
ซีพียันไข้หวัดนกไม่กระทบสบช่องจีนเดี้ยงส่งออกไข่ไก่             
 


   
search resources

ซี.พี. อินเตอร์ฟู้ด (ไทยแลนด์)
มาโนช พันธ์พุฒิพงษ์
ไพศาล จงบัญญัติเจริญ
Agriculture




ซีพีไอเอฟ ไม่หวั่นโรคไข้หวัดนกระบาดหนัก อ้างยังไม่ได้รับผลกระทบเพราะจำหน่ายเนื้อหมูเป็นหลัก เผยสถานการณ์ราคาเนื้อหมูขึ้นแน่เพราะคนไทยขยาดกินเนื้อไก่ ซีพีไอเอฟสบช่องจีนเดี้ยง เร่งส่งออกไข่ไก่ไทยโกยรายได้

"ไพศาล" เผยแผนการตลาดประกาศรุกตลาดแปรรูปปี 47 หนัก ทุ่มงบ 300 ล้านบาท ตั้งเป้าแจ้งเกิด แบรนด์องค์กร ประกาศลุยตลาดส่งออกเต็มสูบ มั่นใจดันยอดโตไม่ ต่ำกว่า 20% พร้อมเพิ่มงบขยายโรงงานกลุ่มแช่แข็งรองรับตลาดขยายตัว

นายไพศาล จงบัญญัติเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์ฟู้ด (ไทยแลนด์) จำกัด หรือซีพีไอเอฟ เปิดเผยเกี่ยวกับปัญหาเรื่องโรคที่เกิดในไก่ว่า ปัจจุบันปัญหาโรคไก่อยู่ที่ขั้นตอนการเลี้ยง ซึ่งจะต้องปรับให้ได้มาตรฐานและเปลี่ยนระบบการจัดการโรงเลี้ยงใหม่ และควรนำเทคโนโลยีการเลี้ยงไก่สมัยใหม่เข้า มาใช้เพื่อควบคุมอุณหภูมิ ควบคุมโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ที่ไก่ตายเป็นจำนวนมากในครั้งนี้ เบื้องต้นบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าไรนัก เพราะโดยผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทเป็นผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมูเป็นส่วนใหญ่ แต่แนวโน้มในอนาคตอันใกล้อาจจะส่งผลต่อราคาหมูที่จะต้องขึ้นราคา เนื่องจากผู้บริโภคจะกังวลต่อการบริโภคเนื้อไก่และจะเปลี่ยนมาบริโภคเนื้อหมูมากขึ้น

นอกจากนี้ปัญหาไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในประเทศจีน เกาหลี ย่อมส่งผลดีต่อ ยอดส่งออกไก่ของไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งในปีที่ผ่านมาที่เกิดวิกฤตโรคซาร์สขึ้นนั้น ยอดส่งออกเนื้อสัตว์แช่แข็งของซีพีไอเอฟเติบโตสูงมากกว่าทุกปี โดยเฉพาะตลาดยุโรป เกาหลี และญี่ปุ่นที่หันมาสั่งเนื้อสัตว์แช่แข็งจากไทยมากขึ้น อย่าง ไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจีนจะมีปัญหาเกี่ยวกับโรคต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นคู่แข่งเนื้อสัตว์แช่แข็งในตลาดโลกที่สำคัญของไทย ซึ่งถ้าหมดปัญหาไข้หวัดนกแล้ว มั่นใจว่าจีนจะกลับมาผงาดในตลาด นี้และกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับไทยอย่างแน่นอน

เร่งสร้างแบรนด์ซีพีไอเอฟโกอินเตอร์

นายไพศาล กล่าวต่อถึงทิศทางของซีพีไอเอฟปีนี้จะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์องค์กรหรือสร้างแบรนด์ซีพีไอเอฟให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักมากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีผลิตภัณฑ์ในเครืออยู่หลายแบรนด์ ได้แก่ ไส้กรอกตราซีพีไอเอฟและมิสเตอร์ซอสเซส กลุ่มอาหารแช่แข็งตราคิทเช่น จอย ผงปรุงรส ซอส ตราช้อยส์ ซุปไก่สกัดและรังนกตราเบซซ์ และกลุ่มเบเกอรี่ แกสโต้ โดยปีนี้จะทุ่มงบโฆษณาและประชาสัมพันธ์กว่า 300 ล้านบาทให้กับสินค้าทุกแบรนด์รวม ถึงแบรนด์องค์กรด้วย อีกทั้ง ยังเน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย งานอีเวนต์ต่างๆ และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงผู้บริโภคในระดับกว้างมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายเติบ โตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10-12%

พร้อมกันนี้ ยังเตรียมขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ให้มากขึ้น โดยในปี 2546 ที่ผ่านมา ยอด ขายจากกลุ่มส่งออกมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คิดเป็นมูลค่า 400-500 ล้านบาท จากยอดขายทั้งหมด 3,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่ากลุ่มส่งออก ก็จะเติบโตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 20% เนื่องจากขยายเข้าสู่ตลาดใหม่อย่างสแกนดิเนเวียได้เป็น รายแรกของไทย ซึ่งตลาดดังกล่าวมีความต้อง การอาหารแปรรูปหรืออาหารแช่แข็งสูงมาก

นายมาโนช พันธ์พุฒิพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการกิจการอาหารแปรรูป บริษัท ซี.พี.อินเตอร์ฟู้ด(ไทยแลนด์) จำกัด หรือ ซีพีไอเอฟ กล่าว ถึงแผนการทำตลาดในไทยต่อว่า ปีนี้ซีพีไอเอฟคงจะให้ความสำคัญกับกลุ่มอาหารแช่แข็ง เพราะ มีแนวโน้มดีมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว บริษัทจึงเพิ่มงบลงทุนขยายโรงงานส่วนผลิตอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งหรือคิทเช่น จอยเพิ่ม 1 โรง เป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้ากลุ่มนี้ให้มากขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปีคิทเช่น จอยจะมีอัตราการเติบโตมากกว่า 100% อีกทั้งยังเตรียมขยายช่องทางให้กับคิทเช่นจอยไปยังดิสเคานต์สโตร์ มินิมาร์ท และจีสโตร์ต่างๆ หลังจากที่วางจำหน่ายยังโมเดิร์นเทรด ครบทุกแห่งแล้ว และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างเจรจาเข้าวางจำหน่ายยังแฟมิลี่มาร์ทด้วย

ทางด้านกลุ่มไส้กรอกที่ถือว่าเป็นสินค้าทำรายได้หลักให้กับซีพีไอเอฟนั้น ปีนี้เตรียมแผน ที่จะปรับบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยมากขึ้น และมีแนว โน้มที่อาจจะต้องปรับราคาของกลุ่มมิสเตอร์ซอสเซสซึ่งเป็นไส้กรอกหมูระดับพรีเมี่ยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้จึงต้องตรึงราคาขายเดิมไว้ชั่วคราว เพราะปัจจุบันมิสเตอร์ซอสเซสจำหน่ายเฉพาะในโมเดิร์นเทรดเท่านั้น การปรับราคาขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายนัก จะต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของโมเดิร์นเทรดซึ่งเป็นกลุ่มค้าปลีกที่มีอำนาจการต่อรองกับซัปพลายเออร์สูง

สำหรับผลประกอบการในปี 2546 ที่ผ่านมา ซีพีไอเอฟปิดยอดขายที่ 3,000 ล้านบาท เติบโต 13-14% แบ่งเป็นรายได้จากการส่งออก 500 ล้าน บาท ภายในประเทศ 2,500 ล้านบาท โดยเป็น กลุ่มไส้กรอก อาหารแช่แข็ง อาหารแปรรูป 70% ช้อยส์ เบซซ์ และแกสโต้อีก 30%

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us