Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน16 มกราคม 2547
แพรนด้าฯขายปีนี้2.8พันล.             
 


   
search resources

แพรนด้า จิวเวลรี่, บจก.
ปรีดา เตียสุวรรณ์
สุนันทา เตียสุวรรณ์
Crafts and Design




แพรนด้าฯตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 2,800 ล้านบาท โตขึ้น 12% และมีกำไรเฉียด 400 ล้านบาท โดยปลายกุมภาพันธ์ นี้เดินโรงงานผลิตเครื่องประดับเงินที่จีนปีแรก 1.2 แสนชิ้น และผลิตเต็มกำลังผลิต 9 แสนชิ้นภายใน 7 ปี และ Break Event ในปีที่ 3 หลังเปิดดำเนินการผลิต ลั่นจ่ายปันผลงวดปี 46 สูงกว่าปีก่อนแน่นอน

นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) (PRANDA) เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2547 ว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายในปีนี้อยู่ที่ 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบจากปี 2546 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 2,600 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ 390 ล้าน บาท คิดเป็น 14% จากยอดขาย

สาเหตุที่มั่นใจยอดขายโต 12% นอกเหนือจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นแล้ว บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าบางประเทศเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง การหาตลาดใหม่เพิ่มเติม และ นโยบายภาครัฐในการผลักดันให้กรุงเทพฯเป็นเมืองแฟชั่น

โดยปัจจุบัน บริษัทฯมีการส่งออกเครื่องประดับอัญมณีไปต่างประเทศคิดเป็น 88% ที่เหลือจำหน่ายในประเทศ โดยตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐฯ 40% อียู 35% และเอเชีย 13%

นายปรีดา กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯจะให้ความสำคัญในการผลิตสินค้าแบรนด์เนมของ บริษัทเองมากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ไม่ว่า จะเป็น พรีมาโกลด์ พรีมาไดมอนด์ ESSE และ พรีมาอาร์ต เป็นต้น โดยบริษัทฯจะขยายกำลังการผลิตในโรงงานที่มีอยู่ทุกแห่งเพิ่มขึ้น 10% ทั้งไทย เวียดนาม เพื่อรองรับตลาดที่ขยายตัว

ส่วนความคืบหน้า โรงงานผลิตเครื่องประดับเงินที่กวางโจว ประเทศจีน คาดว่าจะเริ่ม ดำเนินการผลิตได้ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยเริ่มแรกจะผลิตอยู่ 1.2 แสนชิ้นต่อปี และจะผลิตเต็มที่ 9 แสนชิ้นในปีที่ 7 ซึ่งโรงงานดังกล่าว จะ Break Event ในปีที่ 3 หลังเปิดดำเนินการผลิต

การตัดสินใจลงทุนในจีนครั้งนี้ เนื่องจากจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงมากที่สุดในโลก ดังนั้นปีนี้บริษัทฯ จะใส่เงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการผลิตที่จีนจำนวน 50 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจาก กระแสเงินสดในมือของแพรนด้าฯที่สิ้นปี 2546 มีสูงถึง 300 กว่าล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจที่จะเข้าไปลงทุน ในอินเดีย แต่คงยังไม่ลงทุนในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากบุคลากรบริษัทฯไม่เพียงพอ และต้องการให้โรงงานในจีนดำเนินการไประยะหนึ่งก่อน

นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ ประธานบริหารการเงิน บริษัทแพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯไม่เกิน 60% ของกำไรสุทธิ โดยปีนี้น่าจะจ่ายเงิน ปันผลจากงวดปีการดำเนินงาน 2546 ไม่ต่ำกว่างวดปีก่อน ซึ่งได้จ่ายเงินปันผลไป 80 สตางค์ต่อ หุ้น และถือเป็นบริษัทที่จ่ายปันผลเมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ 9.5% ติดอันดับบริษัทที่ให้ผลตอบ แทนการลงทุนดีที่สุดรายหนึ่ง

นายปรีดา กล่าวว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแทบไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ บริษัทฯ แม้ว่าราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น มา แต่ไม่กระทบการส่งออกบริษัทฯ เพราะบริษัท จะตกลงราคากับลูกค้าทันทีที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบที่เป็นทองคำและเงิน รวมทั้งทบทวนราคาสินค้าทุก 3 เดือน และซื้อประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนด้วยที่ผ่านมา ยอดขายของบริษัท พรีมาโกลด์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเครื่องประดับทองคำ บริสุทธิ์ 99.99% จึงไม่ตกลงจากราคาทองคำที่ปรับขึ้น แต่ยอดขายโตขึ้น 15%ในปีที่แล้ว เพราะ ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ยึดติดเรื่องราคาทอง แต่ซื้อเพราะเป็นทองคำบริสุทธิ์

"ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มีผลกระทบทำให้ราคาทองคำแพงขึ้น เนื่องจาก ค่าเงินบาทเราผูกเงินสกุลดอลลาร์มากเมื่อเทียบค่าเงินอื่น ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงด้วย แต่ค่าบาทแข็งกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐแค่ 5% ขณะที่เงินสกุลอื่นๆแข็งค่าเมื่อเทียบสกุลดอลลาร์ถึง 15-20% ทำให้สินค้าส่งออกของเราในสายตาลูกค้ากลับถูกลงไป"

สำหรับตัวเลขการส่งออกรวมของกลุ่มสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในปี 2547 ภาครัฐคาดว่าจะขยายตัว 15% เป็นผลจากการขับเคลื่อนโครงการกรุงเทพฯเมืองแฟชั่น รวมทั้งแผนการเจาะตลาดกลุ่มประเทศเป้าหมายด้วยกลยุทธ์ต่างๆตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มวัตถุดิบ ส่งผลให้มีผู้ประกอบการขยาย มากขึ้น

การส่งออกในรายการสินค้าเครื่องประดับแท้ของไทย ตลอดเวลา 11เ ดือนสิ้นสุด พ.ย.2546 มีมูลค่า 1007.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้น 11.41% โดยแพรนด้าฯเป็นบริษัทที่มีมูลค่าการส่ง ออกเป็นอันดับ 1 ของประเทศ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us