ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ปฏิเสธข่าวลือโดนโตโยต้าเทกโอเวอร์ และGM เข้าร่วมทุน เผยเร่งหาช่องทางการเจรจาขยายธุรกิจกับบริษัทผู้ผลิตรถชั้นนำอยู่แล้ว ส่วนกลุ่มGMออกโรงปฏิเสธร่วมทุน ระบุถ้าจะทำคงให้เป็นซัปพลายเออร์ป้อนชิ้นส่วนเท่านั้น
จากการปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้น TRU ปรับตัวลดลงทันทีเมื่อเปิดตลาดหุ้นละ
90 สตางค์ ก่อนจะมีแรงซื้อขึ้นมาจนปิดตลาดที่ 18.90 บาท ลดลง 60 สตางค์
นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน)
(TRU) เปิดเผยกรณีที่ฝ่ายกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ได้ให้ บริษัทฯชี้แจงเกี่ยวกับบริษัท
โตโยต้า จะเทกโอเวอร์ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ว่า บริษัทฯยังไม่มีการเจรจาใดๆเกี่ยวกับการเทกโอเวอร์ของโตโยต้าแต่อย่างไร
รวมถึงไม่ได้มีการเจรจาที่จะให้กลุ่มGM เข้ามาร่วมทุนในบริษัทฯด้วย
ปัจจุบันบริษัทฯได้มีการดำเนินธุรกิจในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และ ประกอบตัวถังรถยนต์
รวมทั้งติดต่อทำ ธุรกิจกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำหลายแห่ง ทั้งค่ายญี่ปุ่น และค่ายยุโรป
และอเมริกาเป็นการทั่วไปอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทฯ ก็ได้พยายามหาช่องทางเจรจาในการขยายโอกาสทางธุรกิจกับบริษัทต่างๆ
เหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้บริษัทเจริญเติบโตยิ่งขึ้น
ดังนั้น หากบริษัทฯ ประสบความ สำเร็จในการขยายธุรกิจ หรือ ได้รับงาน ใหม่ๆ ที่มีความสำคัญ
บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
แหล่งข่าวจากกลุ่ม GM กล่าวว่า บริษัทขอปฏิเสธข่าวที่จะเข้าไปร่วมทุนกับไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์
แต่ถ้าจะทำคงให้ ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์เป็นซัปพลายเออร์ชิ้น ส่วน เพราะเขาทำเบาะรถยนต์
แต่ทั้งนี้กลุ่ม GM จะคัดเลือกซัปพลายเออร์โดย ดูจากคุณสภาพสินค้าเป็นสำคัญ เพราะรถยนต์ที่ผลิตจะส่งออกไปทั่วโลก
จำเป็นต้องได้ซัปพลายเออร์ที่มีคุณภาพ
การตัดสินใจเข้ามาลงทุนของกลุ่ม GM ในไทย ทางรัฐบาลไทยต้อง การให้บริษัทใช้ชิ้นส่วนรถยนต์ภายในประเทศครบ
100% แต่กลุ่ม GM ไม่สามารถปฏิบัติได้ เพราะเน้นใช้ชิ้นส่วน ที่มีคุณภาพเท่านั้น
ซึ่งปัจจุบันได้หันมา ใช้ชิ้นส่วนในประเทศแล้วประมาณ 42% เพิ่มขึ้นจากปีแรกที่เคยใช้แค่
12%
การปฏิเสธการร่วมทุนและเทก-โอเวอร์ดังกล่าว ทำให้ราคาหุ้น TRU วานนี้ (14 ม.ค.)
เปิดตลาดปรับตัวลดลงทันที โดยเปิดที่ระดับ 18.60 บาท ลดลง 0.90 บาท จากนั้นเริ่มมีแรงรับซื้อ
เข้ามา ส่งผลให้ราคาหุ้นกระเตื้องขึ้น จน ปิดตลาดที่ 18.90 บาท ลดลง 0.60 บาท เปลี่ยนแปลง
3.08% ปรับตัวลดลง หลังจากราคาหุ้น TRU เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ปรับขึ้นตัวชนเพดานสูงสุด
30% หลังเกิดข่าวลือดังกล่าวในห้องค้าเรื่องการเทกโอเวอร์ รวมทั้งไม่มีการเจรจาร่วมทุนกับ
GM แต่อย่างใด
บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีสท์ คาด การณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง
2546 เมื่อเทียบกับต้นปีแรก ซึ่ง เป็นผลจากการที่ ISUZU ออกรถปิกอัพรุ่นใหม่ D-MAX
ทำให้ผู้บริโภค เกิดการเลื่อนระยะเวลาในการตัดสินใจ ซื้อรถ เพื่อรอรุ่นใหม่ออกมาก่อน
ทำ ให้ยอดขายรถรุ่นเก่าปรับตัวลดลง ขณะที่รถรุ่นใหม่ยังไม่ได้ดำเนินการผลิตได้ในขณะนั้น
ในเวลาต่อมา TRU ยังได้ออกรถรุ่นใหม่อีก 2 แบบออกมาคือ TR Nissan Xciter ในเดือนก.ค.46
และ TR Nissan Freelife ในเดือน ธ.ค.46
โดยไตรมาส 4/2546 บริษัทมีแนวโน้มผลการดำเนินงานดีขึ้น เพราะรับรู้รายได้เพิ่มจากการผลิต
"D-MAX" ได้อย่างเต็มที่ และส่งผลดีต่อแนวโน้มการรับรู้รายได้ในปี 2547
อีกด้วย
คาดการณ์ว่า ในปี 2546 จะมียอด ขายทั้งสิ้น 3,250 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น เป็น
4,225 ล้านบาทในปี 2547 ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น จากการออกรถแบบใหม่ๆ
ที่ออกสู่ตลาดในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเราคาดว่า TRU จะมีกำไรสุทธิที่ระดับ 238 ล้านบาทในปี
2546 และ 530 ล้านบาทในปี 2547
เราให้ราคาที่เหมาะสมของ TRU ในปี 2547 ไว้ที่ 23 บาท ดังนั้นจึง แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร"
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา (AYS) กล่าว ว่า จากราคาหุ้นของ TRU ที่ได้ปรับตัวขึ้นไปถึง
30% เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา จากกระเเสข่าวลือที่ว่า โตโยต้า จะเข้ามาเทกโอเวอร์TRU
แม้ว่าขณะนี้ผู้บริหารจะออกมาปฏิเสธข่าวลือแล้ว แต่ว่ากำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจร่วมกัน
ซึ่งเราเห็นว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากในการทำธุรกิจร่วมกัน
เนื่องจาก TRU มีจุดเเข็งในด้านการประกอบตัวถังรถยนต์ (Body Assembly) เเละยังมีศักยภาพในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์อีกด้วย
ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงเเนะนำถือ