"ธนินท์ เจียรวนนท์" ผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกาศวิสัยทัศน์ฉลองครบรอบ
83 ปี เจียไต๋-เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมฝ่าฟันคลื่นเศรษฐกิจโลกสู่ความเป็นหนึ่งธุรกิจผลิตอาหาร
วางแผนเปิดร้านอาหารไทยทั่วโลก พร้อมเป็น "ครัวของโลก" เชื่อมั่น ประสบความสำเร็จแน่นอน
อีกทั้งปรับกระบวนทัศน์การลงทุนในจีน เร่งลงทุนประเทศที่ประชากรมากที่สุดในโลกแห่งนี้เต็มสูบ
พร้อมแข่งขันกับคู่แข่งทุกรูปแบบ ชี้ธุรกิจ ผลิตอาหารในจีน ยังเป็นธุรกิจหลัก รองลงมา
คือ ธุรกิจค้าปลีก และ ไบโอเทคโนโลยี
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประ-ธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์
ประกาศวิสัยทัศน์รับศักราชใหม่ งานพิธีบำเพ็ญกุศลเจียไต๋-เครือเจริญโภคภัณฑ์ ครบรอบ
83 ปี
โดยประเด็นสำคัญ 3 ประการ คือ 1. ประเทศไทยได้รับผลกระทบ จากเศรษฐกิจโลกอย่างไร
2.ผลกระทบเศรษฐกิจต่อเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ 3. การลงทุนเครือเจริญโภคภัณฑ์ในสาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งเขากล่าวว่า แม้ปัจจุบัน เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ยุคการค้าไร้พรมแดนมีการเกิดขึ้นขององค์กรการค้าโลก
และอื่น ๆ ซึ่งมีข้อตกลง ทางการค้าที่เป็นเงื่อนไข และอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย
ซีพีพร้อมเป็น "ครัวของโลก"
อย่างไรก็ตาม เครือเจริญโภคภัณฑ์พร้อมจะก้าวสู่การแข่งขันในเวทีการค้าโลก โดยนายธนินท์
เชื่อว่า จะสามารถปรับตัว และฝ่า ฟันอุปสรรคการค้าต่าง ๆ สู่การเป็น ผู้นำอันดับ
1 ผลิตอาหารป้อนชาวโลก หรือเป็น "ครัวของโลก" ตามที่เคยประกาศวิสัยทัศน์ไว้
"เราต้องรู้ล่วงหน้าว่าโลกกำลัง เดินไปทางไหน เมื่อเรารู้แล้ว ทำไม ทำไม่ได้
เราต้องทำให้ได้ และถ้าเรา ทำได้แล้ว ก็จะเกิดมูลค่าเพิ่มมหาศาล อย่างเช่น ตอนนี้เรารู้ว่าโลกกำลังสนใจเรื่องสารตกค้าง
และใช้เป็นเครื่องกีดกันทางการค้า เราก็ต้องวางแผนล่วงหน้า เมื่อรู้ว่ามีเงื่อนไขทางการค้าอย่างไร"
การก้าวสู่ครัวของโลก นายธนินท์กล่าวว่า นอกจากการมุ่งการเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย
อาหารปี 2547 ยังเป็นปีแห่งการรุกเข้าสู่ตลาดร้าน อาหารไทยในต่างประเทศ ซึ่งซีพีมีแผนงานจะเปิดร้านอาหารไทยทั่วโลก
เขามั่นใจอย่างยิ่งว่า จะประสบความสำเร็จได้ตามที่ตั้งเป้าหมาย เนื่องจากเป็นบริษัทชั้นนำด้านผลิตอาหารของโลก
ประกอบกับตลาดร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ไม่มีคู่แข่งที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ จึงทำให้แผนลงทุนขยายร้านอาหารไทยไปทั่วโลกของซีพี
แนวโน้มค่อนข้างสดใส
เร่งลงทุนในจีนเต็มสูบ
นอกจากนี้ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์กล่าวถึงการลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในจีน
โดยเปิดเผยว่า มีการปรับกระบวนทัศน์ และกลยุทธ์การ ลงทุนใหม่ เพื่อให้พร้อมสำหรับการแข่งขันที่มาก
ขึ้นในจีน และเพื่อเสริมศักยภาพก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในจีน เพราะเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตไม่หยุดยั้ง
ซีพีจึงให้ความสำคัญการลงทุนในจีนเป็นพิเศษ
สำหรับธุรกิจในจีน ที่ซีพีจะให้ความสำคัญ มากที่สุดปี 2547 คือธุรกิจผลิตอาหาร
โดยจะเน้น ตลาดภายในจีน จะสร้างเครือข่ายการค้า เจาะลึก ทุกหมู่บ้าน เพื่อกระจายสินค้าซีพีให้เข้าถึงทุกครัวเรือนในจีน
ซึ่งก่อนหน้านี้ ซีพีใช้จีนเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกประเทศอื่น ไม่ได้เน้นตลาดภาย
ในจีนแต่อย่างใด ปัจจุบัน ซีพีมีโรงงานผลิตและแปรรูปอาหารในจีน 109 โรง ฟาร์มไก่พันธุ์
100 ฟาร์ม
ส่วนธุรกิจค้าปลีกในจีน ซีพีให้ความสำคัญ ลำดับรองลงมา ปัจจุบัน ซีพีลงทุนเปิดห้างโลตัส
ซูเปอร์เซนเตอร์ (Lotus Supercenter) 20 แห่ง คาดว่าจะเปิดอีก 70 สาขาภายในปี 2548
ซึ่งการลงทุนขยายกิจการค้าปลีกของซีพี จะใช้วิธีลงทุนระบบเช่าซื้อ (Leasing) เป็นหลัก
ทั้งเรื่อง ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ต่าง ๆ
อีกธุรกิจในจีนที่ซีพีสนใจมากในปี 2547 คือ ไบโอ เทคโนโลยี (Bio-Technology)
ซึ่งปัจจุบัน ซีพีเป็นเอกชนเพียงรายเดียว ที่ได้รับใบอนุญาตผลิตเมล็ดพันธุ์พืช
เพื่อจำหน่ายในจีน ส่วนธุรกิจ ยาสมุนไพร เป็นอีกธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างดีในจีน
เพราะตลาดยาสมุนไพรกำลังขยาย ตัวอย่างมาก
ผู้นำสูงสุดของซีพีกล่าวว่า ซีพีจะใช้ความรู้ ประสบการณ์ ที่มีอยู่ทั้งหมดไปจีน
โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร จะศึกษาเพื่อลงทุนธุรกิจสัตว์น้ำ เพื่อรองรับการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพที่กำลังขยายตัวอย่างมากในจีน