Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 มกราคม 2547
ปรับราคาสื่อโรงหนัง20%ชี้แห่ผุดอีก70จอกวาดเงิน             
 


   
search resources

อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเม้นต์, บมจ.
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป, บมจ.
เอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้, บจก.
แฮททริค
สุพัฒน์ งามวงศ์ไพบูลย์
ประสงค์ รุ่งสมัยทอง
Theatre




กลุ่มโรงหนัง ได้ทีปรับราคาสื่อโฆษณาในโรงหนังรับเศรษฐกิจขาขึ้น เอสเอฟหัวขบวนปรับขึ้น 20% หลังอั้นราคาเดิมมานาน เผย ปีนี้ตลาดรวมผุดโรงหนังขึ้นอีก ย้ำเป็นช่องทางสร้างรายได้โฆษณาเป็นเงาตามตัว ด้าน อีจีวี เมเจอร์ฯอีกสองค่ายยังจดๆ จ้องๆ มั่นใจตลาดรวมสื่อ โรงหนังปีนี้โต 15-20%

นายสุพัฒน์ งามวงศ์ไพบูลย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เอสเอฟ ซีเนม่าซิตี้ เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ส่งผลให้ธุรกิจสื่อโฆษณาในโรงหนังมีความคึกคักเพิ่มขึ้นด้วย แม้ว่าปัจจุบันมูลค่าตลาดสื่อโฆษณาโรงหนังจะมีประมาณ 400 กว่าล้านบาท หรือคิดเป็นเพียงไม่ถึง 1% จากมูลค่าตลาดรวมสื่อโฆษณาทั้งระบบที่มีมากกว่า 70,000 ล้านบาทก็ตาม ซึ่งเป็นโอกาสและบ่งบอกถึงแนวโน้มการเติบโตในอนาคตของสื่อโฆษณาโรงหนังที่ยังมีอีกมาก

นอกจากนั้นในปีนี้ผู้ประกอบการโรงหนังรายใหญ่แต่ละรายมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนโรงมาก ขึ้นทำให้จำนวนจอเพิ่มเป็นเงาตามตัว ส่งผลให้ช่องทางการทำเงินสูงตามไปด้วย อีกทั้งยังเป็นสื่อโฆษณาที่มีราคาต่ำ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงตามความต้องการ

นายสุพัฒน์ กล่าวต่อว่า ปีนี้เอสเอฟได้ปรับราคาค่าสื่อโฆษณาในโรงหนังเพิ่มขึ้นประมาณ 20% หลังจากที่ไม่ได้ปรับราคามา 2-3 ปีแล้ว จากเดิมที่มีราคาเฉลี่ย 8,000-10,000 บาท ต่อสัปดาห์ ต่อโรงต่อสปอต 30 วินาที ซึ่งขึ้นอยู่กับทำเลด้วย ราคาใหม่คาดว่าจะมีความเหมาะสม กับสภาพตลาดที่เติบโตและดีขึ้น ซึ่งลูกค้าที่ซื้อสื่อโฆษณามี 2 แบบคือ เจ้าของสินค้าซื้อโดยตรง กับการซื้อผ่านเอเยนซี่ ทั้งนี้เอสเอฟยังคงดำเนิน นโยบายเดิมคือ การให้บริษัท แฮททริค จำกัดเป็นผู้บริหารและรับผิดชอบการขายสื่อโฆษณาโรงหนัง

อย่างไรก็ตาม เอสเอฟยังคงจำกัดระยะเวลาการโฆษณาไว้เท่าเดิมคือ โฆษณาสินค้าประมาณ 5-7 นาทีต่อรอบ และโฆษณาหนังตัวอย่างอีกไม่ถึง 10 นาทีต่อรอบ รวมแล้วไม่เกิน 15 นาทีต่อรอบ

เมื่อปีที่แล้วเอสเอฟมีรายได้จากสื่อโฆษณา โรงหนังประมาณ 120 ล้านบาท จากมูลค่าตลาด รวมที่มีตัวเลขเก็บไว้ประมาณ 400 กว่าล้านบาท คาดว่าปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 200 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมที่จะเพิ่มเป็น 600 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นถึง 60% ซึ่งสัด ส่วนรายได้จากสื่อโฆษณาคิดเป็น 10% จากรายได้รวมของเอสเอฟที่มีประมาณ 1,200 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดโรงหนัง 28% เมื่อสิ้นปีที่แล้วและคาดหวังเพิ่มมาร์เกตแชร์เป็น 32% ในปีนี้

จากการสำรวจของ "ผู้จัดการรายวัน" พบว่า ตัวเลขล่าสุดของทั้งสามรายใหญ่ในตลาดโรงหนังในเวลานี้มีมากกว่า 200 จอ คือ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์มีประมาณ 130 โรง หรือจอ จำนวน 33,000 ที่นั่ง อีจีวีมีประมาณ เกือบ 100 จอ ส่วน เอสเอฟซีเนม่ามีประมาณ 49 โรง ซึ่งไม่นับรวมสาขาภาคตะวันออก

ทั้งนี้ เมเจอร์ฯเพิ่งจะเปิดสาขาใหม่สองแห่ง ที่นนทบุรีและอุดรธานี เมื่อไม่นานนี้ และมีแผน ที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีกในปีนี้ด้วยอย่างต่ำ 2-3 สาขา ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนโรงเพิ่มขึ้นอีกไม่ ต่ำกว่า 20-30 โรง ขณะที่อีจีวีมีแผนเปิดอีกไม่ต่ำกว่า 2 สาขาขนาดใหญ่ และนอกจากนั้นจะมีอีกที่เป็นโรงประเภทดิจิตอลที่เรียกว่าดีไซน์

ส่วนเอสเอฟเองปีนี้เตรียมเพิ่ม จำนวนโรงหนังอีกหลายแห่งเช่นที่ ภูเก็ต 2 สาขารวมกว่า 15 โรง คือที่เซ็นทรัลภูเก็ตจะเปิดประมาณเดือน สิงหาคมและที่ป่าตองภูเก็ตเปิดประมาณปลายปีนี้ นอกจากนั้นในช่วงตรุษจีนนี้จะเปิดบริการเพิ่มอีก 5 โรงที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน และช่วงกลางปีเปิดอีก 5 โรงที่เดอะมอลล์บางกะปิ และไตรมาส ที่ 3 เปิดเพิ่มอีก 2 โรงที่เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ เบ็ดเสร็จแล้วปีนี้คาดว่าจะมีโรงหนังเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 70-80 โรง

ทางด้านอีจีวี นายประสงค์ รุ่งสมัยทอง ผู้อำนวยการบริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ 2 บริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวทำนองเดียวกันว่า สื่อโฆษณาในโรงหนังมีโอกาส เติบโตอีกมาก ขณะเดียวกันอีจีวีเองก็ยังมีโอกาส ที่จะขยายสื่อตัวอื่นเพิ่มขึ้นด้วยไม่ว่าจะเป็นสื่อจอแอลอีดี หน้าตึกเมโทรโพลิสเป็นจอใหญ่ขนาด กว้าง 6 เมตร ยาว 8 เมตร หรือแม้แต่สื่ออื่นเช่น วิดีโอวอลล์ โปสเตอร์แอด ทริปเปิ้ลแอด เป็นต้น ซึ่งมีโอกาสที่จะขายดีมากขึ้นด้วย โดยในปีนี้อีจีวี ได้เตรียมปรับลดสัดส่วนรายได้จากสื่อโรงหนังเหลือเพียง 60% ส่วนที่เหลือมาจากสื่ออื่น

นายประสงค์ ย้ำกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า การแข่งขันด้านสื่อโฆษณาโรงหนังในปีนี้จะมีความเข้มข้นมากขึ้น แม้ว่าจะมีหนังฟอร์มใหญ่เข้ามามาก แต่ในแง่ของการหาลูกค้าหรือสปอนเซอร์เข้ามาก็ต้องแข่งเหมือนเดิมเพื่อให้ลูกค้ามาลงโฆษณาที่ค่ายของแต่ละรายให้มากที่สุด ดังนั้นกลยุทธ์การขายสื่อปีนี้จะมีรูปแบบใหม่ มีส่วน ลด และรูปแบบการทำตลาดร่วมกับพันธมิตรที่จะมีมากขึ้น

โดยอีจีวีคาดว่าปีนี้จะมีรายได้จากการขายสื่อในโรงหนังเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% จากปีที่แล้ว ที่อีจีวีทำยอดรายได้ 182 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมที่อีจีวีประเมินว่ามี 840 ล้านบาท

สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะอีจีวีมีการเพิ่มปริมาณ โรงหนัง อีกทั้งมาจากการปรับทีมการทำงานใหม่ ของการขายสื่อโฆษณาโดยปรับมาใช้ระบบ ไอเอ็มซี เพื่อให้การทำงานมีศักยภาพและความครบวงจรในการนำเสนอสื่อโฆษณาให้กับลูกค้า ซึ่งจะมีทั้งการขายตรงประมาณ 30% และขายผ่านเอเยนซี่ประมาณ 70%

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าค่ายเอสเอฟจะปรับราคาไปแล้ว แต่อีจีวียังคงอัตราเดิมไม่เปลี่ยน แปลงในช่วงนี้ เนื่องจากอีจีวีมั่นใจว่าราคาที่คิดอยู่นี้เป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว คือ เฉลี่ยประมาณ 8,000 บาทต่อโรงต่อสัปดาห์ ต่อสปอต 320 วินาทีในกรุงเทพฯ ส่วนที่สาขาเมโทรโพลิสและ แกรนด์อีจีวีประมาณ 12,000 บาทต่อโรงต่อสัปดาห์ต่อสปอต 30 วินาที ขณะที่สาขาในต่างจังหวัด ประมาณ 6,000 บาท ขณะนี้อีจีวียังตรึง ราคาเดิมไว้ แต่ไม่แน่ว่าอนาคตอันใกล้นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงราคาอีกหรือไม่

สำหรับค่ายเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ซึ่งชูกลยุทธ์เดียวกับอีจีวีด้วยการบริหารธุรกิจนี้เอง ก็เป็นค่ายที่มีความน่ากลัวไม่น้อย เนื่องจากมีจำนวนจอมากที่สุด ดังนั้น อำนาจการต่อรองย่อมมีมาก กว่าค่ายอื่น อีกทั้งยังมีสาขากระจายในต่างจังหวัด มากกว่าค่ายอื่นด้วย โดยมีมาร์เกตแชร์ในตลาด นี้มากกว่า 50% ขณะที่รายได้จากการขายโฆษณา มีประมาณ 7% จากรายได้รวมของเมเจอร์ฯ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us