Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน7 มกราคม 2547
มาร์เกตแคปหุ้นเกินจีดีพีปีนีบาทพุ่งชน39.12/ดอลลาร์             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ธนาคารกสิกรไทย

   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
ปริทรรศน์ เหลืองอุทัย
Stock Exchange




"กิตติรัตน์" คาดมาร์เกตแคปตลาดหุ้นไทยปีนี้ พุ่งสูงเกินจีดีพีไทยที่ประมาณ 5.5 ล้านล้านบาทปัจจุบันแน่ เพราะขณะนี้ พุ่งขึ้นเป็นประมาณ 4.8 ล้านล้านบาทแล้ว ขณะที่หุ้นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ รวมถึง กฟผ.จ่อคิวเข้าตลาดฯ ปีนี้ต่อเนื่อง แต่เตือนนักลงทุนอย่าลงทุนเกินตัว โดยเฉพาะอย่าใช้เงินออมทุ่มลงทุนหุ้นทั้งหมด ด้านเงินบาทวานนี้ แข็งค่าต่อเนื่องเป็น 39.12 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าไทยต่อเนื่อง ขณะที่คาดบาทยังแข็งต่อเนื่อง มีสิทธิ์แตะ 38 ต่อดอลลาร์

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าววานนี้ (6 ม.ค.) ว่าตลาดหุ้นไทยเมื่อ เปิดศักราชปี47 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็ปรับตัวสูงขึ้นถึง 18 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ทำให้มั่นใจว่า มูลค่าตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2547 จะสูงเกิน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทยแน่นอน

เนื่องจากขณะนี้ มาร์เกตแคปตลาดฯสูงถึง 4.8 ล้านล้านบาทแล้ว ขณะที่จีดีพีประเทศ เมื่อคิดตามราคาคงที่ ณ ปี 2537 ไม่รวมอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 5 ล้านล้านบาทเศษ

นอกจากนี้ จะมีบริษัทจดทะเบียน(บจ.) จำนวนมาก เตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มต่อเนื่อง โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ซึ่งหากระดมทุนได้ตาม เป้าหมาย จะช่วยมาร์เกตแคปให้โต มากขึ้นอีก

"เรื่องของการดูมาร์เกตแคปในตลาดหุ้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน ภายใต้สมมติฐานที่ว่า หุ้น รัฐวิสาหกิจที่จะเข้ามาระดมทุน ต้อง เข้ามาในเวลาที่กำหนด รวมทั้งมีผล กำไรตามที่คาดหมายไว้ การระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนใหม่ ซึ่งมีทั้งเอกชน และรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้มาร์เกตแคปของตลาดฯเพิ่มขึ้น" นายกิตติรัตน์กล่าว

เขากล่าวอีกว่า ตลท.จะประชุมคณะกรรม การ ตลท.สัปดาห์ที่ 3 ม.ค.นี้ เพื่อปรับเป้าหมาย การทำงาน แต่จะไม่เร่งขยายมาร์เกตแคป เพราะ ต้องสำรวจความเคลื่อนไหวตลาดหุ้น ภายใต้การ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่ง ตลท.ต้อง ตอบสนองให้ทัน และทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม การที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทย (กฟผ.) เลื่อนกำหนดจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จากเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 31 มี.ค. 2547 เป็น 12 พ.ค. 2547 จะไม่มีผลกระ ทบภาพรวมตลาดหุ้นไทยนายกิตติรัตน์กล่าว โดย 3 หุ้นรัฐวิสาหกิจด้านไฟฟ้า ซึ่งรวมถึงกฟผ.การ ไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวง คาด จะเพิ่มมาร์เกตแคปตลาดหุ้นไทยอีกประมาณ 4 แสนล้านบาท

ขณะนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเร็วกว่าที่โบรกเกอร์คาด เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นสภาพตลาดฯ กำไรบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเขาเชื่อว่า จะเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้น ทำให้ปัจจัยลบเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาวของธนาคารพาณิชย์ และสถานการณ์ความไม่สงบภาคใต้ของไทย ไม่มีอิทธิพลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นมากนัก

"ผมขอเตือนนักลงทุนอย่าลงทุนเกินตัว อย่าเก็งกำไรเกินควร การลงทุนทุกอย่าง ต้องใช้ ดุลพินิจพิจารณาการลงทุนให้รอบคอบ จัดสรรเงินมาลงทุนให้มีความเหมาะสม หากนักลงทุนท่านใด จะนำเงินออมมาลงทุนในตลาดหุ้นทั้ง หมดนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม" นายกิตติรัตน์กล่าว

บาทแข็งต่อเนื่อง

นายปริทรรศน์ เหลืองอุทัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายบริหารเงินส่วนงาน บริหารเงิน สายงานการเงินและควบคุม ธนาคาร กสิกรไทยเปิดเผยว่า เงินบาทวานนี้แข็งค่าต่อเนื่อง จากวันจันทร์ เนื่องจากเป็นช่วงที่เงินทุนต่างชาติไหลเข้าประเทศ โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์ ที่มีเงินไหลเข้าต่อเนื่อง ปัจจัยก่อการร้ายภาคใต้ ของไทยไม่มีผลใดๆ ต่อค่าเงินในตลาด

ปัจจัยที่ส่งผล คือแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ลดต่ำสุดในรอบ 45 ปี ทางการสหรัฐฯ เอง ก็ได้ยืนยันว่า จะไม่มีการขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลมีแรง เทขายดอลลาร์อีกระลอก ทำให้เงินภูมิภาคอื่นๆ แข็งค่าขึ้น โดยเฉพาะค่าเงินยูโร ที่แนวโน้มแข็งค่าอยู่ที่ 1.30-1.35 ดอลลาร์ต่อยูโร และเงินเยน ที่คาดว่าจะแข็งค่าถึง 100 เยนต่อดอลลาร์ ทิศทาง ดอลลาร์ จึงน่าจะอ่อนค่าลงเรื่อยๆ ตามสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง

ด้านนักบริหารการเงินธนาคารพาณิชย์แห่ง หนึ่ง เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวานนี้ เปิดตลาด 39.28-39.33 บาทต่อดอลลาร์ ระหว่างวัน บาทแข็ง ค่าขึ้นต่อเนื่องจากวันจันทร์ ที่ปิดช่วง 39.53-39.58 บาทต่อดอลลาร์ สาเหตุที่บาทแข็งค่าขึ้น เนื่อง จากผู้ส่งออกเทขายดอลลาร์มาก เนื่องจากหลาย ฝ่ายคาดว่า เงินบาทน่าจะแตะ 38 บาทต่อดอลลาร์ จึงส่งผลเงินบาทแข็งค่าเร็วขึ้น บาทวานนี้แข็งค่าสุดที่ 39.12 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุด 39.29 บาท

อีกทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังต่ำสุดในรอบ 45 ปี ทำให้ดอลลาร์อ่อนตัวลงอีก ต้องรอดูตัวเลขเศรษฐกิจ ที่ทางการสหรัฐฯ จะประกาศระยะต่อไป

ส่วนเงินภูมิภาคแข็งค่าขึ้น โดยเงินเยนญี่ปุ่น ปิดตลาดวานนี้106.17-106.18 เยนต่อดอลลาร์

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us