TEAM, STHAI และ SF เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นับจากเริ่มปีพุทธศักราชใหม่
2547 หลังเพิ่มทุนจด ทะเบียนได้ตามเกณฑ์ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่าตาม ที่บริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน)
(STHAI) บริษัท ทีมพรีซิชั่น จำกัด (มหาชน) (TEAM) และบริษัทสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์
จำกัด(มหาชน) (SF) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI)
ได้มีการเพิ่มทุนจนทำให้บริษัทมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทนั้น โดย STHAI
ได้ดำเนินการเพิ่มทุนชำระแล้วจาก 195 ล้านบาท เป็น 260 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
65 ล้านหุ้น จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ในราคาหุ้นละ
1 บาท ซึ่งตลาด หลักทรัพย์ได้อนุมัติรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ STHAI เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน
MAI ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2546
ส่วน TEAM ได้ดำเนินการเพิ่มทุนชำระแล้วจาก 150 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
50 ล้านหุ้น เพื่อจ่ายหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือ หุ้น ในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิม ต่อ 1
หุ้นปันผลซึ่งตลาดหลักทรัพย์ได้อนุมัติรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TEAM เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน
MAI ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2546
ขณะที่ SF ได้ดำเนินการเพิ่มทุน ชำระแล้วจาก 71 ล้านบาทเป็น 237.49 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
24 ล้านหุ้น จัดสรรให้กับบุคคลเฉพาะเจาะจง ในราคาหุ้นละ 3.99 บาทและจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม
142.49 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 1 บาท ซึ่งตลาด
หลักทรัพย์ได้อนุมัติรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SF เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ใน MAI
ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2546 และ 27 พฤศจิกายน 2546 ตามลำดับ
เนื่องจากข้อกำหนดว่าด้วยการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ และข้อกำหนดว่าด้วยการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาด
หลักทรัพย์ใหม่ กำหนดว่า กรณีบริษัทจดทะเบียนใน MAI มีการเพิ่มทุน และการเพิ่มทุนดังกล่าวทำให้บริษัทมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า
200 ล้านบาทให้ถือว่าหลักทรัพย์ของบริษัทดังกล่าวเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
(SET) ในวันเริ่มรอบระยะเวลาบัญชีถัดไปที่บริษัทมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท
ยกเว้นการเพิ่มทุนดังกล่าวเมื่อรวมกับการเพิ่มทุนในแต่ละครั้งก่อนหน้ามีจำนวนไม่เกินกว่าการเพิ่มทุนเพื่อ
ยื่นคำขอให้รับหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในครั้งแรกและจำนวนทุนที่เพิ่มต้องไม่ทำให้บริษัทมีทุน
ชำระแล้วเฉพาะหุ้นสามัญถึง 250 ล้านบาท
ตลาดหลักทรัพย์ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน ดังกล่าวมีการเพิ่มทุนจนทำให้มีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า
200 ล้านบาท และการเพิ่มทุนดังกล่าวไม่เข้าข่ายได้รับยกเว้นตามข้อกำหนดตลาดหลัก-
ทรัพย์ ดังนั้น เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตาม ข้อกำหนดดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์จะดำเนินการย้ายหลักทรัพย์ได้แก่
STHAI,TEAM, SF และ SF-W1 ซึ่งเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน MAI ไป เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน
SET โดยจัดให้หลักทรัพย์ของ STHAI ทำ การซื้อขายในหมวดเวชภัณฑ์และเครื่อง สำอาง(Pharmaceutical
Products & Cosmetics) โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "STHAI"
เช่นเดิม
ส่วนหลักทรัพย์ของ TEAM ทำ การซื้อขายในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอ-นิกส์ (Electronics
Components) และใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ "TEAM" เช่นเดิม และหลักทรัพย์ของ
SF ได้แก่ หุ้นสามัญของบริษัททำการซื้อ ขายในหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า
"SF" และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น สามัญของบริษัททำการซื้อขายในหมวด
ใบสำคัญแสดงสิทธิโดยใช้ชื่อย่อในการ ซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "SF-W1"เช่นเดิม
สำหรับการคำนวณ Ceiling & Floor ของหลักทรัพย์ STHAI และ TEAM ให้ใช้ราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของหลักทรัพย์ดังกล่าวในตลาด
MAI เป็นฐานในการคำนวณ Ceiling & Floor ตามปกติ
ทั้งนี้ ให้มีผลในระบบการซื้อขาย หลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 ซึ่งเป็นวันเริ่มรอบระยะเวลาบัญชีของทั้ง
3 บริษัท เป็นต้นไป