ปีหน้า ขุนคลังเดินหน้าตามนโยบายรัฐ เร่งแก้ไขปัญหาหนี้ต่างประเทศ รัฐวิสาหกิจ
เน้นสร้างความแข็งแกร่งสถาบันการเงิน ผ่านการควบรวมกิจการ ขานรับนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุนเต็มที่
ยันนโยบายคลังต้องนิ่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ขณะที่ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเขาไม่รู้เรื่องการเงิน-การคลังไม่จริง
ย้ำจบเศรษฐศาสตร์จากลอนดอน สกูล สถาบันเดียวกับอดีตผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ป๋วย อึ๊งภากรณ์
แต่ ยอมรับประธาน ก.ล.ต.ยังต้องเป็นขุนคลัง เพื่อรัฐบาลจะสามารถดูแลตลาด ทุนไม่ให้เกิดความวุ่นวาย
ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดใจ "ผู้จัดการรายวัน"
กรณีข้อกล่าวหาที่ว่า เขาไม่รู้เรื่องการเงิน-การคลัง โดยเขา ยืนยันว่า เขาจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์
จาก London School of Economics ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์อันดับ 1
ของโลก
ซึ่งเขากล่าวว่า เป็นสถาบันเดียวกับที่อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายป๋วย
อึ๊งภากรณ์ อดีตเสาหลักด้านการเงิน-การคลัง สมัย รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และรัฐบาลจอมพลถนอม
กิตติขจร "ผมจบเศรษฐศาสตร์จากสถาบันชั้นนำ ซึ่งเป็นสถาบันเดียวกับอาจารย์ป๋วย
ฉะนั้นข้อกล่าวหาที่ว่า ผมไม่รู้เรื่องการเงินการคลัง ไม่จริงแน่นอน" เขากล่าว
ร.อ.สุชาติกล่าวว่า ภาคตลาดเงิน และตลาดทุนปีนี้ดี จะเป็นแรงส่งเศรษฐกิจทั้งระบบปี
2547 ขยายตัวต่อเนื่องจากปีนี้ ขณะที่ข้อเสนอให้ประธานบอร์ด ก.ล.ต.ไม่ใช่รัฐมนตรีคลังโดยตำแหน่ง
เขายืนยันว่าขณะนี้ เป็นไปไม่ได้ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันด้านลบกับตลาดทุน
รัฐบาล ยังต้องเป็นองค์กรหลักที่ดูแลตลาดทุนของไทยอยู่ดี
ด้านตลาดทุน เขากล่าวว่าจะเฝ้าติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด โดยเฉพาะพฤติกรรมยุให้ปั่นหุ้นของบริษัทสมาชิก
หรือโบรกเกอร์ ได้กำชับตลาดหลักทรัพย์เรื่องนี้เสมอ ส่วนแนวทางตั้งตลาดหุ้นอิสลาม
รมว.คลัง กล่าวว่า ในหลักการไม่ขัดข้อง แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้ศึกษาจริงจัง โดยเฉพาะ
ส่วนที่ว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนตลาดฯ นี้มากน้อยเพียงใด จึงสรุปไม่ได้ว่า ขณะนี้ถึงเวลาแล้วหรือยัง
ที่จะมีตลาดหลักทรัพย์อิสลามในประเทศไทย
"ผมมั่นใจว่า ปี 47 จะยังคงเป็นปีแห่งความโชติช่วงชัชวาลของเศรษฐกิจไทย"
ในฐานะรมว.คลัง เขาจะดูแลนโยบายการคลังให้นิ่ง ส่วนในฐานะกำกับดูแลธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) และในฐานะประธาน ก.ล.ต. จะให้อิสระและรักษาความต่อเนื่องในการทำงานระดับตัวบุคคล
คือ ส่วนมรว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก-ทรัพย์(ก.ล.ต.) คนใหม่ โดยคาดหวังว่าทั้ง
2 หน่วยงาน จะเป็นหัวหอกหลัก ที่จะช่วยดูแลเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจไทย ให้เติบโตยั่งยืน
เขายังกล่าวถึงแนวทางดำเนินงานกระทรวงการคลังปี 2547 ว่าต้อง การเร่งให้ไทยใช้หนี้ต่างประเทศให้หมดโดยเร็วที่สุด
โดยขณะนี้ เขาสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องดังกล่าวดำเนินการแล้ว ทั้งนี้
การใช้หนี้ต่าง-ประเทศจะเน้นแก้ไขรัฐวิสาหกิจที่มีหนี้ต่างประเทศมาก ซึ่งจะให้รัฐวิสาหกิจ
นั้น ๆ สามารถออกพันธบัตร เพื่อระดมทุนใช้หนี้ที่มีอยู่ได้
ส่วนภาคสถาบันการเงิน จะส่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้สถาบันการเงิน รวมทั้งยังปรับปรุงหนี้ภาคประชาชน
โดยจะนำหนี้นอกระบบ เข้าอยู่ในระบบมากขึ้น
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะเร่งดำเนินการนโยบายแปลงสินทรัพย์ เป็นทุน โดยเฉพาะการใช้ที่ดินของกรมธนารักษ์ให้มีประโยชน์เต็มที่ที่สุด
ซึ่งขณะนี้ เขามอบหมายกรมธนารักษ์ดำเนินการอยู่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าน่าจะเห็นแผนการทำงานทั้งหมดเป็นรูปธรรมภายในกลางปี
2547 แน่นอน
ร.อ.สุชาติกล่าวว่า การดำเนินนโยบายการคลัง ต้องนิ่ง เพื่อให้เกิดความมีเสถียรภาพด้านการเงินและการคลัง