"ประชัย" ทำหนังสือถึง "บิ๊กหมง" ประธานคณะผู้บริหารแผนทีพีไอ
เสนอแผนปรับโครงสร้างทางการเงินใหม่ ระบุประเด็นหลักขอแปลงหนี้มูลค่ากว่า 2.8 พันล้านดอลลาร์
ในราคา หุ้นละ 20 บาท แทนของเดิมที่แปลงเฉพาะดอกเบี้ยค้างจ่ายในราคา หุ้น 5.52
บาท ทำให้หนี้ลดฮวบเหลือเพียง 500 ล้านดอลลาร์ ด้านผู้บริหารแผน แจงมอบให้เป็นหน้าที่ของที่ปรึกษาทางการเงินพิจารณา
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย
จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือถึงพล.อ.มงคล
อัมพรพิสิฏฐ์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ เพื่อขอปรับแผนโครงสร้างทางการเงินของทีพีไอใหม่
ทั้งนี้เนื่องจากเห็น ว่าข้อเสนอเดิมได้ทำขึ้นในขณะที่ราคาหุ้นทีพีไอในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีราคาไม่ถึง
10 บาท แต่ปัจจุบันราคาหุ้นได้ปรับตัวสูงกว่า 20 บาทแล้ว ดังนั้นจึงควรมีการปรับแผนโครง
สร้างทางการเงินใหม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย
สำหรับข้อเสนอการปรับแผนโครงสร้างทางการเงินใหม่ฉบับนี้ มีประเด็นหลัก 6 ประเด็นคือ
ประเด็นแรก เสนอให้ลดหนี้ทีพีไอ จาก 2,640 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยหนี้ที่ลดไป 2,140 ล้านดอลลาร์ จะนำไปรวมกับดอกเบี้ยระหว่างปี 2541-2543 จำนวน
752 ล้านดอลลาร์ รวมเป็นหนี้ทั้งสิ้น 2,892 ล้านดอลลาร์ ให้แปลงเป็นทุนในราคาหุ้นละ
20 บาท หรือเท่ากับ 5,845 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 75% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด แทนหุ้นที่เจ้าหนี้แปลง
ดอกเบี้ยค้างชำระเป็นทุนไปแล้วอย่างไม่เป็นธรรม ในราคาต่ำเพียงหุ้นละ 5.52 บาท
ประเด็นที่ 2 เสนอจ่ายดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้สกุลบาทในอัตรา 3.50% และอัตรา LIBOR+1
สำหรับเงินกู้สกุลต่างประเทศ ประเด็นที่ 3 กำหนดชำระหนี้คืนภายใน 4 ปี ผ่อนชำระปีละ
125 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ หรืออาจชำระมากกว่าจำนวนดังกล่าว หากมีเงินเหลือมากขึ้น
ซึ่งตามประมาณการอาจชำระคืนได้ภายใน 2 ปี
ประเด็นที่ 4 กำลังการผลิตน้ำมันโรงกลั่นเฉลี่ย 1.8 แสนบาร์เรล ต่อวัน หรืออาจเพิ่มได้อีก
3.5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน ประเด็นที่ 5 เสนอ บังคับให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมทีพีไอซื้อหุ้นคืนภายในเวลา
4 ปี ในราคา หุ้นละ 20 บาท บวกดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ ประเด็นที่ 6 ให้บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ
หรือไอเอฟซี หรือเจ้าหนี้รายอื่นสามารถใช้ สิทธิแปลงหนี้เป็นหุ้นกู้แปลงสภาพ กำหนดเวลาชำระคืน
4 ปี อัตรา ดอกเบี้ย 6% ต่อปี หรือแปลงเป็นหุ้นสามัญในราคาหุ้นละ 50 บาท
นายประชัย กล่าวว่า หลังจากการดำเนินการตามแผนดังกล่าว ทีพีไอ จะกลายเป็นบริษัทที่น่าลงทุน
โดยมีอัตราค่าเฉลี่ย 4 ปี ที่พิจารณาจากอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (ICR)
53.2 เท่า และอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นเท่ากับ 32 เท่า และมีมูลค่าหุ้นเท่ากับ
20 บาท โดยใช้วิธีการคำนวณจากกระแสเงินสด
หากผู้บริหารแผนชุดนี้ ดำเนินการตามแผนปรับโครงสร้างทางการเงินฉบับใหม่ จะทำให้ทีพีไอไม่จำเป็นต้องลดทุนจากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ
10 บาท เหลือหุ้นละ 10 สตางค์ เพราะทีพีไอมีเงิน สดหมุนเวียนเพียงพอ และไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มทุนจากธนาคาร
พาณิชย์ รวมทั้งประเด็นสำคัญเจ้าหนี้จะได้รับชำระคืนหนี้เกิน 100% ขณะที่รัฐบาลเองก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินงบประมาณมาสนับสนุนทีพีไอแต่อย่างใด
นายพละ สุขเวช หนึ่งในคณะกรรมการผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือข้อเสนอปรับโครง
สร้างทางการเงินที่นายประชัย ได้ยื่นเสนอมาอย่างเป็นทางการ หาก ได้รับแล้วคงจะส่งให้ที่ปรึกษาทางการเงิน
คือ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ และบริษัท มอร์แกน สแตนเลย์ ศึกษาถึงความเป็นไปได้ของข้อเสนอดังกล่าวก่อนที่จะสรุปผล
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางที่ปรึกษาทางการเงินยังไม่ได้มีข้อสรุป แนวทางการแก้ไขแผนปรับโครงสร้างทางการเงินใดๆทั้งสิ้น
แต่คาดว่าจะยื่นเสนอต่อผู้บริหารแผนฯทีพีไอได้ประมาณกลางเดือนมกราคม 2547