อีสท์ วอเตอร์ฉวยจังหวะตลาดหุ้นดี เตรียมออกหุ้นเพิ่มทุน ควบคู่กับออกหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน
3.5 พันล้านบาทในปี 47 หวังเพิ่มสภาพคล่องในกระดาน โดยเม็ดเงินที่ได้จะนำมาไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระก.ค.47
จำนวน 2.2 พันล้านบาท และลงทุนต่อเนื่องอีก 1.5 พันล้านบาท คาดสรุปที่ปรึกษาทางการเงินได้ม.ค.47
ตั้งเป้าปริมาณการขายน้ำดิบงวดปี 47 เติบโตขึ้น 12% และมีกำไรสุทธิ เฉียด 400 ล้านบาท
โตขึ้น 10% เมื่อเทียบ จากปี 46 ที่มีกำไรสุทธิ 352 ล้านบาท
นายวันชัย หล่อวัฒนตระกูล กรรมการอำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาค
ตะวันออก จำกัด (มหาชน)หรืออีสท์ วอเตอร์ (EASTW) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯมีแนวคิดที่จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน(PO)ขายให้ประชาชนทั่วไป
ควบคู่กับการออกหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 3.5 พันล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงินคาดว่าจะสรุปได้ในเดือนมกราคม
2547
โดยบริษัทฯจะให้ที่ปรึกษาทางการเงินศึกษาว่าจะออกหุ้นกู้จำนวนเท่าไร รวมทั้งหุ้นสามัญเพิ่มทุนควรมีจำนวนและราคาหุ้นเท่าไร
โดยจะต้องไม่กระทบผู้ถือหุ้นเดิมมากนัก และช่วยเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น EASTW ด้วย
เนื่องจากที่ผ่านมาหุ้น EASTW ขาดสภาพคล่อง ผู้ถือหุ้นใหญ่ถือครองหุ้นไว้โดยไม่มีการนำออกมาซื้อขายในกระดาน
"สาเหตุที่ยังไม่กำหนดตัวเลขการออกหุ้นทุนได้ เพราะต้องขออนุญาตผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก่อน
หากผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ใช้สิทธิ์ในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน จะกระทบสัดส่วนการถือหุ้นแค่ไหน
ดังนั้น มติคณะกรรมการครั้งที่ผ่านมา จึงพิจารณาแต่ออก หุ้นกู้ ไม่ได้พิจารณาเรื่องการออกหุ้นทุน
เพราะต้องการรอให้ศึกษาหุ้นทุนให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งการออกหุ้นทุนครั้งนี้ ยังมีจุดประสงค์ที่ต้องการ
แก้ไขสภาพคล่อง หากขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดก็เท่ากับไม่ได้แก้ไขสภาพคล่อง เพราะผู้ถือหุ้นเดิมก็เก็บให้หมดอีก"
นายวันชัย กล่าวว่า บริษัทที่ปรึกษาทาง การเงินที่บริษัทฯได้เรียกหารือนั้น ส่วนใหญ่ได้เสนอว่าบริษัทฯควรออกหุ้นทุนด้วย
เนื่องจากช่วง นี้ตลาดหุ้นเปิด จึงเป็นโอกาสที่ดีในการระดมทุนเพิ่ม แต่อย่างไรก็ตาม
หุ้นกู้ยังคงเป็นหลัก เนื่องจากดอกเบี้ยหุ้นกู้ไม่สูงมากนัก และเชื่อว่า อีก 5
ปีข้างหน้าแนวโน้มดอกเบี้ยหุ้นกู้จะสูงกว่านี้ ทำให้ตัดสินใจออกหุ้นกู้ในปี 2547
สำหรับเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ จะนำมาไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในช่วงกรก-ฎาคม
2547 จำนวน 2.2 พันล้านบาท และเงินทุนเพื่อใช้ในการลงทุนเพิ่มเติมในงวดปี 2547
จำนวน 1.5 พันล้านบาท
ก่อนหน้านี้ บริษัทฯได้ออกหุ้นกู้จำนวน 2.5 พันล้าน มีอายุ 5 ปี ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนกรกฎาคม
2547 แต่บริษัทฯได้มีการไถ่ ถอนหุ้นกู้บางส่วนคืนก่อนกำหนด ทำให้คงเหลือ หุ้นกู้ที่จะต้องไถ่ถอนเพิ่มเติมอีก
2.2 พันล้านบาท
"ดังนั้น ในปี 2547 บริษัทฯมีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนประมาณ 3.5-4 พันล้านบาท
โดยจะนำมาไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดประมาณ 2.2 พันล้านบาท และใช้ลงทุนในการวางท่อน้ำดิบและธุรกิจในเครือฯอีก
1.5 พันล้านบาท ทำให้บริษัทฯตัดสินใจออกหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 3.5 พันล้านบาท รวมกับเงินทุนหมุนเวียนอีกประมาณ
1 พันกว่าล้านบาท หากบริษัทฯไม่มีการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน" นายวันชัยกล่าว
เมื่อเร็วๆนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ
ให้ฟรีแก่พนักงาน กรรมการ และที่ปรึกษาของบริษัทฯ จำนวน 5 ล้านหน่วย อายุ 3 ปี
นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ รวมทั้งออกและเสนอขายหุ้นกู้ ประเภทหุ้นกู้ ด้อยสิทธิ
และ/หรือหุ้นกู้ไม่ด้อย วงเงินไม่เกิน 3.5 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปี เสนอขายทั้งหมด
ในคราวเดียวกัน หรือแบ่งเป็นส่วนๆ เพื่อเสนอขายเป็นคราวๆให้แก่ประชาชนทั่วไป และ/หรือ
นักลงทุนประเภท
ทุ่มเงินลงทุนอีก 1.5 พันล้าน
สำหรับการลงทุนในปี 2547 บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยกึ่งหนึ่งลงทุนในธุรกิจน้ำดิบ
และที่เหลือลงทุน กิจการของบริษัทในเครือ คือ ธุรกิจน้ำประปาและบริษัท เอ็กคอมธารา
จำกัด
ทั้งนี้ บริษัทฯจะขยายระบบการให้บริการน้ำดิบเพิ่มขึ้น โดยจะวางท่อน้ำดิบต่อจากฉะเชิงเทราไปยังนิคมฯบางพลีและนิคมฯบางปู
เพื่อให้ บริการน้ำดิบแก่นิคมฯดังกล่าว หลังจากรัฐบาลมีนโยบายให้เลิกการใช้น้ำบาดาลในต้นปีหน้า
โครงการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท และจะแล้วเสร็จกลางปี 2548
ส่วนโครงการขยายการให้บริการน้ำดิบไปสู่จังหวัดปราจีนบุรีนั้น บริษัทฯจะลดขนาดโครง
การลง หลังจากผลศึกษาพบว่าตัวเลขความต้อง การใช้น้ำไม่ได้มากอย่างที่คาด และนิคมฯในพื้น
ที่ดังกล่าวมีแหล่งน้ำของตัวเอง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนเหลือไม่เกิน 1 พันล้านบาท
จากเดิมที่เคยกำหนดวงเงินลงทุนไว้ 1.4 พันล้านบาทเท่านั้น ซึ่งบริษัทฯจะกลับไปศึกษาความต้องการใช้น้ำอีกครั้ง
"เดิมเราคาดว่า โครงการที่ปราจีนบุรีจะใช้น้ำ 40-50 ล้านลบ.ม.ต่อปี แต่พอสำรวจพบว่าเขามีแหล่งน้ำของตัวเอง
ทำให้ปริมาณการใช้น้ำหาย ไปกว่ากึ่งหนึ่ง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 1 พันล้านบาท
คิดว่าโครงการนี้จะศึกษาจบกลางปีหน้า หลังจากนั้นหากตัดสินใจลงทุน ก็จะเริ่มดำเนินการออกแบบและว่าจ้างการวางท่อ
แล้วเสร็จประมาณปลายปี 2548"
ตั้งเป้างวดปี 47 กำไรโต 10%
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายน้ำในปี 2547 อยู่ที่ 170 ล้านลบ.ม.ต่อปี เพิ่มขึ้น12%
เมื่อ เทียบจากปี 2546 (สิ้นสุด 30 ก.ย. 46) ที่มียอดขายน้ำอยู่ที่ 150 ล้านลบ.ม.ต่อปี
และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 387 ล้านบาท โตขึ้น 10% เมื่อเทียบจากปี 2546 ที่มีกำไรสุทธิ
352 ล้านบาท
เหตุผลที่ตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจไว้ค่อนข้างสูง เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมเติบโตขึ้น
ทำให้มีการใช้น้ำในนิคมอุตสาหกรรมทั้งระยองและชลบุรีเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันโรงงาน
ปิโตรเคมีในเครือแบงก์กรุงเทพก็เริ่มใช้น้ำบ้างแล้ว และโรงกลั่นไทยออยล์ ก็สั่งซื้อน้ำดิบจากเราเพิ่มขึ้น
เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตในอนาคต
รวมทั้ง บริษัทฯจะต่อขยายท่อให้ถึงมือผู้ใช้น้ำมากขึ้น เช่น นิคมฯภาคตะวันออก
รวมทั้งจะ เชื่อมท่อบางส่วนจากระยองมายังชลบุรี เนื่องจาก แหล่งน้ำที่จังหวัดชลบุรีมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการใช้มา
2 ปีแล้ว ทำให้การประปาชลบุรีสั่ง ซื้อน้ำจากบริษัทฯเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการประกันความมั่นคงในแหล่งน้ำที่จังหวัดระยองและฉะเชิงเทรา
ทางบริษัทฯจะดำเนินการจัดทำสระน้ำสำรอง ขึ้น 2 แห่งในปีนี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวม
120-200 ล้านบาท
จ่ายน้ำประปาที่เกาะสีชังม.ค.47
ส่วนความคืบหน้าในการผลิตน้ำประปาจากน้ำทะเลบนเกาะสีชัง คาดว่าในเดือนมกราคม
2547 จะเริ่มจ่ายน้ำประปาที่เกาะสีชังแล้ว หลังจากบริษัทฯได้เคลียร์ปัญหาที่ดินสาธารณะและลงนามสัญญาสัมปทานทำน้ำประปาเรียบร้อยแล้ว
คาดว่าจะสร้างรายได้ 2-3 ล้านบาทต่อปี
นายวันชัย กล่าวว่า โครงการทำน้ำทะเลเป็นน้ำประปาที่เกาะสีชัง สร้างรายได้ไม่สูงมากนัก
แต่ถือเป็นต้นแบบการทำน้ำทะเลเป็นน้ำประปา ทำให้บริษัทฯมีแผนที่จะทำน้ำทะเลเป็นน้ำประปาอีกหลายเกาะ
ไม่ว่าจะเป็นเกาะล้าน เกาะพีพี เกาะสมุย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
คาดว่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้นในเร็วๆนี้