หอการค้าไทยเผยปีหน้ามี 10 ธุรกิจ ดาวเด่นที่จะได้รับผลดีจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวและนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล
คาดจะทำกำไรและเติบโตอย่างเต็มที่ แถมได้รับแรงหนุนจาก ภาคประชาชนที่จะถอนเงินจากแบงก์มาใช้จ่าย
มากขึ้น ชี้ท่องเที่ยว ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ อาหาร บันเทิง พลังงาน รับอานิสงส์ไปเต็มๆ
พร้อม คาดเศรษฐกิจไทยปี 2547 โต 7.1-7.5% เพราะมี แรงหนุนเพียบ
วานนี้ (25 ธ.ค.) หอการค้าไทยได้ร่วมกับศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
จัดการแถลงข่าวอุตสาหกรรมเด่นใน ปี 2547 และประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี
2546-2547
นายชาตรี เกื้อศิริกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เปิดเผยว่า ศูนย์ฯได้ทำการวิเคราะห์ อุตสาหกรรมที่จะมีผลประกอบการที่ดีในปี 2547
โดยพิจารณาจากความสำคัญที่มีต่อเศรษฐกิจ ผลประกอบการ ผลกำไร อัตราการขยายตัวของอุตสาหกรรมจากปริมาณการจำหน่าย
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม และอัตราการใช้กำลังการผลิต รวมไปถึงโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่ได้รับผลบวกจากการดำเนินนโยบายของรัฐ
หรือได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินหรือภาคเอกชนอื่นๆ
ทั้งนี้ จากการพิจารณาภายใต้องค์ประกอบต่างๆ ข้างต้น พบว่าในปี 2547 ที่จะถึงนี้
มีอุตสาหกรรมเด่นๆ ถึง 10 อุตสาหกรรมที่จะมีแนวโน้มการขยายตัวในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายของภาครัฐที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
และ เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ ที่ส่งผลทำให้กำลังซื้อในภาคประชาชนขยายตัวดีขึ้น
สำหรับอุตสาหกรรมทั้ง 10 อุตสาหกรรม ได้แก่
1.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ดี โดยคาดว่าจะมีการขยายตัวประมาณ
10.47% เพราะมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือ นโยบาย ของรัฐบาลที่กระตุ้นการท่องเที่ยวโดยผลักดันให้ไทย
เป็น Tourism Capital of Asia และการเกิดขึ้นของสายการบินต้นทุนต่ำ ทำให้มีการขยายตัวท่องเที่ยวมากขึ้น
2.อุตสาหกรรมยานยนต์ มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีตลอดทั้งปี 2547 เพราะตลาดภายในประเทศยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็น Detroit of Asia ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ
มีการย้ายฐานการผลิตมาไทยเพื่อผลิตส่งออกมากขึ้น
3.อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 10% โดยมีปัจจัยสำคัญสนับสนุน
คือ ความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนยังคงมีสูง และนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างบ้านเอื้ออาทรให้ได้
1 ล้านหน่วยภายในปีนี้
4.อุตสาหกรรมก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างเป็น อุตสาหกรรมที่ได้แรงสนับสนุนจากภาคอสังหา-
ริมทรัพย์ ที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่รัฐบาลยังมีโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง
ใช้เงินหลายแสนล้านบาท และภาคอุตสาหกรรมยังมีการลงทุนเพื่อสร้างโรงงานใหม่เพิ่มขึ้น
5.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มีแนวโน้มขยาย ตัวได้ดี เพราะธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ
ยังคงขยายตัว และได้รับแรงผลักดันจากการที่รัฐบาลสนับสนุนให้ภาครัฐและเอกชนหันมาใช้คอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น
6.อุตสาหกรรมอาหาร แนวโน้มขยายตัวดี เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยที่รัฐบาลสนับสนุนให้ไทยเป็นครัวของโลก
ซึ่งจะทำให้ความต้องการสินค้าอาหารไทยมีมากขึ้นตามไปด้วย
7.อุตสาหกรรมบันเทิง เป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลดีจากภาวะที่เศรษฐกิจขยายตัว เพราะหากคนมีเงินเพิ่ม
การใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มตามไปด้วย และจะเลือกความบันเทิงมาเป็นลำดับต้นๆ ประกอบกับการแก้ไขปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ที่จริงจังมากขึ้น
ทำให้สินค้าละเมิดลดลง และยังมีการผนวกธุรกิจเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การดาวน์โหลดเพลงใส่โทรศัพท์มือถือ
เป็นต้น
8.อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ จะขยายตัวได้ดี เพราะรัฐบาลมีโครงการผลักดันไทย
เป็นศูนย์กลางแฟชั่นโลก และโครงการกรุงเทพเมืองแฟชั่น
9.อุตสาหกรรมพลังงาน ภายใต้นโยบายการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานในภูมิภาค
จะทำให้ความต้องการใช้พลังงานมีมากขึ้น จากการที่อุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้น
10.อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพ จะเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มสดใส หลังจากที่รัฐบาลได้มุ่งสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจโรงพยาบาล
และสปาแห่งเอเชีย ประกอบกับธุรกิจ โรงพยาบาลไทยมีมาตรฐานสูง ธุรกิจด้านสปามีความเชี่ยวชาญและเป็นเอกลักษณ์
ทำให้เป็นที่ยอมรับของผู้มาใช้บริการ และยังได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้มีการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า ในปี
2547 คาดว่าเศรษฐกิจจะมีการฟื้นตัวอย่างแน่นอน และภาวะอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำ
ส่งผลให้ประชาชนจะหาช่องทางในการลงทุนหรือการออม ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคาร
หรือนำเงินไปบริโภคสินค้า เนื่องจากเห็นว่าการบริโภคในปัจจุบันมีราคาไม่สูงมากนัก
และคุ้มค่ากว่าการนำเงินไปฝากกับธนาคาร
สำหรับธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์และจะมี ผลประกอบการที่ดีขึ้น ได้แก่ กลุ่มธุรกิจที่มีความสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจใหม่
เช่น ธุรกิจโทรคมนาคม คอมพิวเตอร์และบริการทางคอมพิวเตอร์ กลุ่มธุรกิจที่รัฐบาลให้การสนับสนุน
เช่น ท่องเที่ยว ยานยนต์ แฟชั่น ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์และอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มธุรกิจ
ที่ผู้บริโภคสามารถใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำ เช่น อสังหาริมทรัพย์ เฟอร์นิเจอร์
วัสดุก่อสร้าง ยานพาหนะ และเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มเกี่ยวกับการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนลงทุนสูงกว่าฝากเงิน
เช่น ประกันภัยและประกันชีวิต ธุรกิจในตลาด หลักทรัพย์ หุ้นกู้ และสหกรณ์
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2547 คาดว่าจะยังคงขยายตัว
อย่างต่อเนื่องจากปี 2546 และมีความมั่นใจว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะอยู่ในระดับ
7.1-7.5% ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว เศรษฐกิจโลกขยายตัว 4.1% ปริมาณการค้าเพิ่มขึ้น
5.5% ซึ่งเป็นผลดีต่อการส่งออก อัตราดอกเบี้ยต่ำที่จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน
นโยบายของรัฐบาลที่ใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยสำรองงบกลางเพิ่มอีก 1.3 แสนล้านบาท
และการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนจะเข้ามาช่วยเสริมมากขึ้น ขณะที่เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
ส่งผลให้หนี้ภาครัฐและเอกชนผ่อนคลายลง ทำให้เกิดสภาพคล่องในธุรกิจ ทั้งนี้ หากรัฐบาลกระตุ้นให้หนักขึ้น
ก็เป็นไปได้ที่อัตราการเติบโตจะถึง 8%
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจไทยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
คือ ปัจจัยภายนอกยังมีความไม่แน่นอนสูง ในเรื่องความไม่สมดุลทางการค้าของสหรัฐฯกับจีน
อาจทำให้จีนปรับค่าเงินหยวนตามแรงกดดันได้ รวมทั้งปัญหาความผันผวนจากราคาน้ำมัน
และปัญหาความเสี่ยงต่อการก่อการร้ายในภูมิภาค ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้
นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความเห็น มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลการสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนที่มีต่อตลาดหลักทรัพย์ไทยว่า
ในปี 2547 ดัชนีที่นักลงทุน คาดการณ์จะปรับตัวขึ้นสูงถึง 818.25 จุด โดยเห็นว่าปัจจัยที่มีผลทำให้ดัชนีเพิ่มขึ้น
คือ เศรษฐกิจไทย ความมั่นคงของรัฐบาล นโยบายของรัฐบาล และการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ
พร้อมกันนี้ นักลงทุนยังได้ให้ข้อเสนอแนะว่าถ้าต้องการให้ตลาดมีความมั่นคง ข้อมูลต้องโปร่งใส
ขจัดข่าวลือ ขจัดปัญหาการปั่นหุ้น และนโยบายของรัฐบาลต้องชัดเจน