แผนการตลาดออดี้ ปี 2544 1 มีนาคม 2544 ค่ายรถยนต์ออดี้ในประเทศไทย ได้ประกาศนโยบาย
การตลาด ปี 2544 ด้วยคอนเซ็ปต์ "Audi Thailand Toward 2001-Premium through
Integration"
"คอนเซ็ปต์ดังกล่าว เป็นการให้ความสำคัญในการพัฒนาแบบผสม ผสาน 3 นโยบายหลัก
ทั้งด้านการขาย การบริการก่อนและหลังการขาย รวมทั้งด้านการตลาด เรามั่นใจว่านโยบายนี้
จะทำให้ออดี้มีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งในเชิงคุณภาพ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์
การบริการก่อนและหลังการ ขาย และเครือข่ายการให้บริการ "กิตติ มาไพศาลสิน"
กรรมการบริหาร บริษัท ไทยยานยนตร์ ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายออดี้อย่างเป็นทางการ
ในประเทศไทยกล่าว
คลอเดียส เมย์เนิร์ท ผู้อำนวยการ การตลาดรถยนต์ออดี้ กล่าวว่า นโยบาย Premium
through Integration ที่เริ่มนำมาใช้ในปีนี้ ออดี้จะใช้กลยุทธ์ 4P ที่ไม่ได้มีความหมายตามทฤษฎีการตลาดทั่วไป
เพราะ P ในที่นี้ จะหมายถึง Premium ซึ่งจะประกอบไปด้วย
‘ Premium Customers โดยออดี้จะเน้นการทำความเข้าใจในตัวของ ลูกค้า ทั้งในด้านไลฟ์สไตล์
รสนิยม ความคิด และความคาดหวังในชีวิต เพื่อนำมาประกอบการขาย
‘ Premium Services จะเน้นสร้างความประทับใจในด้านการบริการ ให้กับลูกค้าที่ซื้อรถออดี้
ออดี้กำหนดลงไปเลยว่ารถยนต์ออดี้ทุกคัน จะได้รับ การรับประกันการผุกร่อนของตัวถังเป็นเวลา
12 ปี รับประกันสีตัวถัง 3 ปี และรับประกันด้านการบำรุงรักษา 1 ปีเต็ม
‘ Premium Location/Environments เป็นการเน้นสร้างคุณภาพของ ดีลเลอร์ ทั้งในด้านโชว์รูม
บริเวณจุดขาย บุคลากรด้านการขาย บริการหลังการขายและอื่นๆ
‘ Premium Products เน้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยใช้เทคโนโลยี ที่ทันสมัย
"เรากำหนดว่าลูกค้าของออดี้คือ ผู้ประสบความสำเร็จทั้งในชีวิต ส่วนตัว
และธุรกิจ มีความก้าวหน้า มีความคิดของตัวเอง ต้องการแต่สิ่งที่ดีเลิศ และเมื่อลูกค้าซื้อรถ
เราจะถือเป็นการเริ่มต้นในการสร้างสัมพันธ์ที่ยาวนานและมีคุณค่า" คลอเดียส
เมย์เนิร์ทระบุ
ออดี้วางเป้าหมายไว้ว่าการนำกลยุทธ์ 4P มาใช้ในปีนี้ จะทำให้ยอดขายออดี้
ปี 2544 เพิ่มขึ้นมาเป็นประมาณ 700 คัน เพิ่มสูงขึ้น 100% จากปีก่อนหน้า
ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการเปิดตัวรถออดี้ในประเทศไทย
ในจำนวนนี้ 60% จะเป็นยอดขายรถออดี้ A6 ซึ่งประกอบในประเทศ ไทย ส่วนรถรุ่นอื่นๆ
เป็นการนำเข้าในนามบริษัทไทยยานยนตร์
การประกาศนโยบายการตลาดปี 2544 ด้วยคอนเซ็ปต์ "Audi Thailand Toward 2001-Premium
through Integration" ของออดี้ในครั้งนี้ ถือ เป็นการเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
หลังจากได้ตัดสินใจรุกเข้ามาทำตลาด เพื่อขอแชร์ส่วนแบ่งในตลาดรถหรูในประเทศไทยเมื่อ
3 ปีก่อน
ในปี 2542 ออดี้ได้เซ็นสัญญากับยนตรกิจกรุ๊ป โดยมอบหมายให้ โรงงานประกอบรถยนต์
วายเอ็มซี แอสเซ็มบลี ในเครือยนตรกิจ ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 50 ไร่
ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เป็นผู้ประกอบรถยนต์ ออดี้ A6 ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ธงนำของออดี้
หลังจากนั้นในเดือนเมษายนปีที่แล้ว ออดี้ได้ประกาศโครงการร่วม ทุนกับยนตรกิจ
กรุ๊ป โดยการตั้งบริษัทยนตรกิจ โฟล์คสวาเกน มาร์เก็ตติ้ง ขึ้น ทำหน้าที่เป็นผู้ทำตลาดให้กับรถยนต์ออดี้
โดยยนตรกิจได้ลงทุนสร้าง อาคาร Audi Center ซึ่งมีความสูง 18 ชั้น ขึ้นบนถนนพระราม
9 นอกจากนี้ยังปรับปรุงโชว์รูมออดี้ที่สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต ตลอดจนการสร้างเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายรถออดี้ทั่วประเทศ
ปีที่แล้ว ออดี้ได้เปิดตัวรถยนต์ออดี้ A3 A4 และ A6 รวมถึงออดี้ ทีที โรดสเตอร์
และทีที คูเป้ และสามารถทำยอดขายรถยนต์โดยรวมได้ประมาณ 400 คัน ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
"สาเหตุเพราะเราเปิดตัวช้ากว่ากำหนด" กิตติ มาไพศาลสินกล่าว
ในปีนี้ออดี้มีแผนที่จะขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดย มีพื้นที่เป้าหมายที่จะสร้างโชว์รูมขึ้นในเขตธนบุรี
และที่จังหวัดในภาคใต้อีก 2 แห่ง รวมทั้งจะมีการเปิดตัวออดี้ A8 ซึ่งเป็นรถรุ่นใหม่
ซึ่งกิตติมั่นใจว่า จาก แผนที่กำหนดไว้จะทำให้ยอดขายของออดี้ สามารถทำได้ตามเป้า
700 คัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 10% ของตลาดรถระดับหรูในประเทศไทย
ผู้จัดการ ปีที่ 17 ฉบับ 202 กรกฎาคม 2543
