Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 ธันวาคม 2546
ปี47Q-CONตั้งเป้ารายได้1,050ล้าน ผุดโรงงานแห่งที่2ผลิตเพิ่ม3ล้านตร.ม.             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

   
search resources

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ , บมจ.
พยนต์ ศักดิ์เดชยนต์
Construction




Q-CON เปิดโรงงานแห่งที่ 2 กลางปี47 เพิ่มกำลังการผลิตอีก 3 ล้านตารางเมตร หวังทำรายได้ถึง 1,050 ล้านบาท และกำไร 360 ล้านบาท เตรียมสร้างโรงงานในแต่ละภาคหากพบว่าความต้องการมีถึง 70% ของกำลังการผลิต ปีหน้าคาดเพิ่มทุนหรือออก หุ้นกู้ควบวอร์แรนต์ เพื่อหาทุนใช้ขยายงาน

นายพยนต์ ศักดิ์เดชยนต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ คอนสตรัคชั่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Q-CON เปิดเผย แผนงานในปี47 ว่า บริษัทจะขยาย กำลังการผลิตเพิ่มจาก 3 ล้านตารางเมตร เป็น 6 ล้านตารางเมตรต่อปี จากการสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ที่จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา โดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 718 ล้านบาท แบ่ง เงินไปใช้ในการก่อสร้างโรงงาน 150 ล้านบาท และเงินลงทุนในเครื่องจักร และอุปกรณ์ 568 ล้านบาท

โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์จำนวน 80 ล้านหุ้น โดยขายให้ประชาชนทั่วไปที่ราคาหุ้นละ 8 บาท พาร์ละ 1 บาท ทำ ให้ได้เงินจากการเพิ่มทุนประมาณ 640 ล้านบาท แต่บริษัทต้องนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ประมาณกว่า 400 ล้านบาท จึงเหลือเงินจากการระดมทุนเพียง 200 ล้านบาทเท่านั้น

เงินทุนที่ใช้ในการก่อสร้างโรงงานส่วนที่เหลือ บริษัทจึงต้องหันไปกู้เงินเพิ่มอีก เพราะการก่อหนี้ของบริษัทยังสามารถทำได้อีก จากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน( Debt Equity Ratio :D/E) ในปัจจุบันของบริษัทมี D/E มากกว่า 1 ต่อ 1 เท่า ซึ่งหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว D/E จะเหลือ เพียง 0.5-0.6 เท่า

นายพยนต์กล่าวว่า ปีหน้าหุ้น Q-CON จะเข้าทำการซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นหุ้นตัวแรกที่จะเทรดในปี 47 หลังจากที่ขายหุ้น IPO และขายหมดเกลี้ยงแล้วตั้งแต่เมื่อ 16-18 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งมั่นใจว่าราคาหุ้นของบริษัทจะเป็นไปตามภาวะอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างที่จะโตตามธุรกิจอสังหาฯและรับเหมาก่อสร้าง ปัจจุบันบริษัทไม่มีขาดทุนสะสม ปoหน้าบริษัทสามารถ จ่ายเงินปันผลได้ตามนโยบายในอัตราร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ

สำหรับปี 47 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,050 ล้านบาท และกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 360 ล้านบาท ในขณะที่ปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการขายผลิต-ภัณฑ์ประมาณ 700 ล้านบาท กำไร สุทธิประมาณ 240 ล้านบาท เนื่อง จากในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะเปิดโรงงานผลิตแห่งที่ 2 ซึ่งมีกำลังการผลิตเต็มที่ 3 ล้านตารางเมตร/ปี

โดยจะเริ่มเดินเครื่องต้นปี 47 และผลิตจริงในไตรมาส 3 โดย จะใช้กำลังการผลิต 1.5 ล้านตารางเมตร โดยโรงงานแห่งที่ 2 นี้จะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 350 ล้านบาท ทำให้กำลังการผลิตอิฐมวลเบาของบริษัทเพิ่มจาก 3 ล้านตารางเมตร/ปี เป็น 4.5 ล้านตารางเมตร หากความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ที่ดินในอยุธยายังมีเหลือพอที่จะสร้างโรงงานได้อีก

นอกจากนี้ บริษัทยังรับงานอาคารในสนามบินสุวรรณภูมิบางส่วนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยจะเริ่มส่งสินค้าให้ในช่วงเดือน มีนาคมปี 47 นอกเหนือจากที่บริษัทผลิตให้กับลูกค้าประจำคือ คือ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) และ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบ้านเดี่ยว

โดยบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจอิฐมวลเบาอันดับ 1 ประมาณ 71% ส่วนที่เหลือเป็นบริษัท ซุปเปอร์บล็อก 29% และบริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มบริษัทพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรและผู้ประกอบการในต่างจังหวัด รวมทั้งขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ

นายพยนต์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนที่จะจัดตั้งคลังสินค้า ประจำแต่ละภาค เพื่อสะดวกในการจัดส่งสินค้าและจะทำให้ราคาขายสินค้าของบริษัทไม่แตกต่างจากราคาสินค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งขยายการส่งออกไปที่เวียดนาม จากปัจจุบันที่ส่งออกเพียง 1 ประเทศ คือนิวซีแลนด์ และปี 47 บริษัทอาจปรับขึ้นราคาขายผลิตภัณฑ์หากต้นทุนทางการค้า เช่น ราคาซีเมนต์ หรือราคาค่าขนส่งพุ่งขึ้น

นอกจากนี้ Q-CON ยังจะเล็งที่จะก่อสร้างโรงงานผลิต เพื่อเป็นฐานการผลิตและส่งจำหน่ายในแต่ละภาค หากพบว่าความต้อง การใช้อิฐมวลเบามีถึง 70% ของกำลังการผลิตของโรงงาน หรือ 2.1 ล้านตารางเมตร คาดว่าโรงงานใน แต่ละภาคจะเกิดขึ้นแน่ โดยเงินลงทุนใกล้เคียงกับโรงงานที่ก่อสร้างแล้ว

อย่างไรก็ตาม Q-CON ได้ทำการขายสินค้าให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันก็ได้ทำการวิจัยด้าน การตลาดไปในตัวด้วย เพื่อสำรวจ ความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ และขณะนี้ Q-CON อยู่ ระหว่างการดีลกับลูกค้าที่เวียด-นาม ที่นักลงทุนเวียดนามสนใจที่จะให้เข้าไปตั้งโรงงานผลิตอิฐมวลเบาในเวียดนาม "ในระยะแรกเราต้องเข้าไปเหมือนทดลองตลาดก่อน แต่เราก็มีลูกค้าเวียดนามอยู่ระดับหนึ่ง และเรากำลังเจรจาที่จะเข้าไปสร้างโรงงาน ที่นั่น แต่เราต้องสำรวจความต้อง การของลูกค้าก่อนว่าจะมากน้อยเพียงใด และหากมีการร่วมทุนเกิด ขึ้น เราจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่"

ทั้งนี้ ในปีหน้า หาก Q-CON ต้องการใช้เงินทุน อาจต้อง ทำการเพิ่มทุนหรือออกหุ้นกู้ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับภาวะตลาดในขณะนั้นว่าจะเลือกทางใด แต่หากออกเป็นหุ้นกู้ควบวอรŒแรนต์เพื่อดึงดูดใจให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุน

สำหรับผลดำเนินงานของ Q-CON งวด 9 เดือนแรกปีนี้ พบว่ามีรายได้จากการขาย 540 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของ ปีก่อน 37% และมีกำไรสุทธิ 181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148 ล้านบาท อันเป็นผลจากการปรับโครงสร้างหนี้ในปี45 ส่งผลให้หนี้สินรวมและดอกเบี้ยจ่ายลดลง และการปรับปรับปรุงการดำเนินงานและพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us