คำกล่าวที่ว่า เมื่อชาวญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะดื่มจะเมา กว่า 60% ของนักดื่มจะนึกถึง Suntory คงจะไม่เป็นคำกล่าวที่เกินเลยไปนัก เมื่อผู้ผลิตสุรารายใหญ่และเป็นรายแรกที่ผลิตวิสกี้ของญี่ปุ่นแห่งนี้ มีความเป็นมามากกว่า 100 ปี และมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายอย่างยิ่ง

ประวัติศาสตร์ของ Suntory เริ่มต้นขึ้นในปี 1899 เมื่อ Shinjiro Torii ได้ก่อตั้ง Torii Shoten พร้อมกับการผลิต Akadama ที่มีลักษณะเป็นเหล้าไวน์หวานสีแดง ซึ่งถือเป็น จุดเริ่มต้นในการผลิตสุราในสไตล์ตะวันตกในประเทศญี่ปุ่น

ในปี 1923 บริษัทผู้ผลิตสุราแห่งนี้ได้สร้างโรงกลั่นวิสกี้แห่งแรกของญี่ปุ่นและในปี 1929 ได้เริ่มดำเนินการผลิตวิสกี้สัญชาติญี่ปุ่นเป็นรายแรกภายใต้ชื่อ Suntory Shirofuda ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า Suntory White

Suntory ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับรสนิยมของชาวญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิสกี้มอลต์ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่โดดเด่นทั้ง Hibiki และ Yamazaki นอกจากนี้ยังผลิต บรั่นดี, จิน, ไวน์ และเบียร์ ด้วย

นอกจากนี้ ด้วยการสร้างพันธมิตรกับผู้ผลิตสุรากว่า 40 แห่งทั่วโลก อาทิ Brown-Forman Corporation จาก สหรัฐอเมริกา และ Allied Domecq PLC จากอังกฤษ ทำให้ Suntory สามารถนำสุราชื่อดังจากทั่วโลกมาสู่ตลาดญี่ปุ่น ในปี 1963 หลังจากที่ Suntory ผันตัวเองเข้าสู่อุตสาหกรรมเบียร์ Suntory ได้เปิดตลาดเบียร์สด ด้วยการผลิตเบียร์สดบรรจุขวด ซึ่งนับเป็นรายแรกของญี่ปุ่น พร้อมกับการผลิตเบียร์ระดับพรีเมียมในชื่อ MALT's และการผลิตและจำหน่าย Carlsberg เบียร์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดรายหนึ่งของยุโรป ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักดื่มชาวญี่ปุ่น

สำหรับธุรกิจไวน์ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 1936 ด้วยการเปิด Yamanashi Winery ทำให้ Suntory นับเป็นผู้ผลิตไวน์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ขณะที่ความสัมพันธ์กับผู้ผลิตไวน์ ชั้นนำในต่างประเทศ ส่งผลให้ Suntory เป็นผู้จำหน่ายไวน์รายใหญ่ของญี่ปุ่นเช่นกัน แม้ว่า Suntory จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตสุรารายใหญ่ แต่การขยายธุรกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ก็มีส่วนสร้างความแข็งแกร่งให้กับ Suntory ไม่น้อย

Suntory ได้พัฒนาและสร้างตลาดให้กับ Oolong Tea, BOSS กาแฟกระป๋อง และ Minami Alps น้ำแร่ธรรมชาติ รวมทั้งเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่ม PEPSI ไอศกรีม Haagen-Dazs ในประเทศญี่ปุ่นด้วย

นอกจากนี้ ด้วยการวิจัยและพัฒนาที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Suntory ขยายธุรกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์, ดอกไม้ และอาหารเสริมสุขภาพ รวมถึงการขยายธุรกิจไปสู่การให้บริการด้านอาหาร, กีฬา, สิ่งพิมพ์ การจัดจำหน่ายผ่าน mail order

สำหรับการขยายธุรกิจของ Suntory Group ไปยังต่างประเทศ ได้กระทำผ่านเครือข่ายบริษัทในเครือซึ่งมีมากกว่า 50 แห่ง ภายใต้ปรัชญา step-by-step และการ วางพื้นฐานทางธุรกิจในระยะยาว

ธุรกิจของ Suntory ในต่างประเทศในระยะเริ่มแรกผูกพันอยู่กับการส่งออกวิสกี้ และสุราหลากหลายชนิดไปจำหน่ายในประเทศต่างๆ โดยเริ่มจากไต้หวัน ก่อนที่จะขยายไปสู่อเมริกา และออสเตรเลีย โดยปัจจุบัน Suntory ได้ส่งออกสุราไปยังประเทศต่างๆ กว่า 35 ประเทศ และ มีบริษัทในเครือข่ายกว่า 33 แห่งดำเนินการอยู่ใน 19 ประเทศทั่วโลก กระนั้นก็ดี ธุรกิจของ Suntory ในยุโรปยังเน้นหนักที่ธุรกิจสุราด้วยการเข้าไปบริหารจัดการใน Morrison Bowmore Distillers ในสกอตแลนด์ และการบริหารไวน์ชาโต้ในฝรั่งเศส โดยเฉพาะ Chateau Lagrange S.A. ซึ่งนับเป็นการบริหารชาโต้ ระดับ "grand cru" ในเขต Bordeaux แห่งเดียวที่ไม่ได้ดำเนินการโดยผู้ลงทุนชาวตะวันตก และ Chateau Beychevelle ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ GMF บริษัทประกันภัยชั้นนำ รวมทั้งการเข้าฟื้นฟู Weingut Robert Weil ผู้ผลิตไวน์ในเขต Rheingau ของเยอรมนี

ขณะที่ธุรกิจหลักของ Suntory ในอเมริกากลับเน้นหนักไปที่การขยายตลาดเครื่องดื่มประเภท nonalcoholic โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมมือกับ PEPSI ภายใต้ชื่อ Pepsi Bottling Ventures LLC. รวมถึง Suntory Water Group Inc. ซึ่งสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำแร่ในฐานะยักษ์ใหญ่อันดับสามในสหรัฐอเมริกา

สำหรับธุรกิจของ Suntory ในเอเชียแปซิฟิก ส่วนใหญ่เน้นหนักที่ผลิตภัณฑ์ด้านอาหารและสุขภาพ โดยมี Cerebos Pacific Ltd. ซึ่ง Suntory ได้เข้าครอบกิจการใน ปี 1990 เป็นกลไกหลักในธุรกิจนี้

นอกจากนี้ยังได้รุกเข้าไปลงทุนอย่างหนักในจีน ด้วยการร่วมลงทุนใน China Jiangsu Suntory Foods Co.,Ltd เพื่อผลิตและจำหน่ายเบียร์ ซึ่งนับเป็นกิจการ ร่วมทุนระหว่างจีนและญี่ปุ่นรายแรก ก่อนที่จะขยายการลงทุนไปสู่ Shanghai ด้วยการตั้ง Suntory Brewing (Shanghai) Co.,Ltd. ซึ่งสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเบียร์เป็นอันดับหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าวด้วย