การจับมือกันระหว่างธนาคารกสิกรไทย กับ MasterCard
เพื่อออกบัตร Kurve Card นั้น สามารถมองได้หลายนัย แต่สำคัญที่สุด คือตลาดบัตรเครดิต
โดยยึด Lifestyle
ของผู้ใช้กำลังกลายเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด
หากมองในแง่กลยุทธ์ทางการตลาดแล้ว การเปิดตัวบัตรเครดิตรุ่น Kurve Card
ของค่าย MasterCard International เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ดูเหมือนเป็นการออกตัวที่ช้าไปสักนิด
เมื่อเทียบกับค่าย Visa International ที่ได้เปิดตัวบัตรเครดิต Mini Card
ไปก่อนหน้าแล้วกว่า 1 เดือน
บัตรทั้ง 2 ใบของทั้ง 2 ค่าย ล้วนจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเดียวกัน คือกลุ่มคนหนุ่ม-สาว
วัยเริ่มต้นทำงาน อายุตั้งแต่ 20-35 ปี
ค่าย Visa เรียกลูกค้ากลุ่มนี้ว่ากลุ่ม "Trendy" ขณะที่ MasterCard เรียก
เป็นกลุ่ม "Generation X"
แถมในวันเปิดตัว เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ค่าย Visa ซึ่งจับมือกับบริษัทบัตรกรุงไทย
(KTC) พาผู้สื่อข่าวกลุ่มใหญ่ ไปร่วมงานเปิดตัวบัตร Visa Mini Card ประเภท
Travel Card อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ทำให้เหลือผู้สื่อข่าวที่มาอยู่ร่วมการเปิดตัว
Kurve Card ที่ MasterCard จับมือกับธนาคารกสิกรไทยจัดขึ้นที่สยามเซ็นเตอร์ไม่มากนัก
แต่หากมองในแง่ยุทธศาสตร์แล้ว การเปิดตัวบัตร KBANK MasterCard รุ่น Kurve
Card ถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ประการแรก ถือเป็นการรุกทำการตลาดอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรกของ MasterCard
เพราะการเปิดตัวบัตร Kurve Card กระทำในเวลาใกล้เคียงกับการยิงโฆษณาชุด "เต่าข้ามถนน"
ของ Master Card ทางโทรทัศน์ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมทางการตลาดสำหรับธุรกิจบัตรเครดิตในประเทศไทยที่
MasterCard ว่างเว้นไปนานหลายปี
MasterCard เริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับตลาดบัตรเครดิตในประเทศไทยมากขึ้นในช่วง
2 ปีที่ผ่านมา แต่การทำตลาดเป็นการทำอย่างเงียบๆ ต่างจาก Visa ที่ทำในเชิงรุกมากกว่า
ดังนั้น ทั้งการเปิดตัวสินค้าใหม่ และการแพร่ภาพโฆษณาจึงเปรียบเสมือนเป็นการประกาศตัวต่อสาธารณะว่านับแต่นี้เป็นต้นไป
MasterCard กำลังจะบุกเข้ามาในตลาดบัตรเครดิตในไทยอย่างจริงจังแล้ว
ประการต่อมา การเลือกเป็นพันธมิตรกับธนาคารกสิกรไทย ซึ่งถือเป็นธนาคารพาณิชย์ของไทยแห่งแรกที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจบัตรเครดิต
และเคยเป็น Issuer ที่มียอดผู้ถือบัตรสูงที่สุดในประเทศไทยมาแล้ว ในช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
แม้ปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจนี้ของธนาคารกสิกรไทย จะตกลงมาเหลืออยู่ในอันดับที่
4 รองจาก KTC City Bank และบริษัทบัตรกรุงศรี แต่ธนาคารกสิกรไทยก็กำลังเร่งทำการตลาดอย่างหนัก
เพื่อดึงให้ส่วนแบ่งการตลาดกลับขึ้นมาใหม่ ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
การที่ MasterCard เลือกจับมือกับธนาคารกสิกรไทย ซึ่งว่ากันว่าเป็นธนาคารพาณิชย์ของไทยที่มีสายสัมพันธ์ชนิดแนบแน่นยาวนานอยู่กับค่าย
Visa จึงถือเป็นคู่พันธมิตรที่เหมาะสมสำหรับการแข่งขันกันในตลาดบัตรเครดิตที่มีคู่แข่ง
สำคัญ คือคู่พันธมิตร KTC และ Visa
ประการที่ 3 แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกลุ่มลูกค้าวัย 20-35 ปี ที่มีต่อผู้ให้บริการบัตรเครดิต
เพราะกลุ่มลูกค้าวัยนี้ถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และมีกระบวนการคิดก่อนตัดสินใจว่าจะซื้อสินค้า
ประเภทใด โดยใช้เวลาไม่นานนัก
การจับลูกค้ากลุ่มนี้ให้อยู่หมัด จึงต้องใช้กลยุทธ์ทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ
เห็นได้ชัดคือการใช้จุดเด่นทางกายภาพของตัวสินค้า คือรูปแบบของบัตรเป็นตัวนำ
นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ
รวมถึงการเน้นที่พฤติกรรมการใช้จ่าย ซึ่งบ่งบอกถึง Lifestyle ของผู้ถือบัตร
ประการสุดท้าย มองในแง่ของธนาคารกสิกรไทยเอง การเป็นผู้ออกบัตร KBANK MasterCard
รุ่น Kurve Card ครั้งนี้ถือเป็นการรุกเข้ามาในตลาด Lifestyle Card เป็นครั้งแรก
เพราะก่อนหน้านี้ กลยุทธ์ทางการตลาดบัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทย เน้นไปที่การออกบัตรร่วมกับพันธมิตร
(Co-Brand) เป็นหลัก
ธนาคารกสิกรไทยถือได้ว่าเป็นผู้เล่นรายใหญ่รายหนึ่งในธุรกิจนี้ ไม่แพ้
KTC ซึ่งประกาศตัวแน่ชัดออกมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเน้นทำการตลาด ด้วยการยึด
Lifestyle ของลูกค้าเป็นหลัก ดังนั้นการที่ผู้เล่นรายใหญ่ 2 ราย มองเห็นถึงแนวทางการตลาดที่เหมือนกัน
จึงเป็นเหมือนสัญญาณที่บ่งชัดถึงทิศทางการทำตลาดของบัตรเครดิตนับจากนี้ไป
จะเน้นที่ Lifestyle และจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น ตามแต่ Lifestyle
ของลูกค้าแต่ละประเภท