"retail ก็คือ การค้าขาย เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ต่างจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาด
แต่ว่าปัจจุบันธุรกิจ retail มันก็เริ่มเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น มันผสมระหว่าง
art กับ science และมันก็แล้วแต่ธุรกิจ retail ด้วย เพราะธุรกิจ retail มันก็กว้างมาก
ตั้งแต่ขายอาหาร ขายเสื้อผ้า หรือขายเฟอร์นิเจอร์ มันทั้งหมดเลย ก็แล้วแต่ดีกรีของแต่ละสินค้า
ประเภทสินค้าด้วย เดี๋ยวนี้เฉพาะพวก food มันเริ่มเป็น scientific มากขึ้นแล้ว
ในขณะที่ถ้าเป็นพวกแฟชั่นมันเป็นเรื่องของ art เสียมาก ดังนั้น ดีกรีมันก็จะไม่เหมือนกัน
แต่ว่าคนคนนี้จะต้อง 1-รักงาน เพราะงานนี้มันจะต้องละเอียดยิบ และค่อนข้างจะละเอียด
เพราะถ้าบอกว่า retail มันก็คือ detail มันต้องเป็นคนที่รู้ ต้องเป็นคนละเอียด
และต้องค่อนข้างจะสู้งาน เพราะว่ามันเป็นธุรกิจเดียวที่ผมคิดว่าคุณจะต้อง
deal กับลูกค้าที่เป็นแสน เป็นล้านราย และเป็นธุรกิจเดียวที่คุณจะต้อง deal
กับ supplier เป็นพันๆ ราย ธุรกิจอื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าจะมีไม่กี่คน และ
supplier ก็มีไม่กี่คน อย่างโครงการสร้างบ้าน ปีหนึ่งแลนด์แอนด์เฮ้าส์ขายได้
4,000 หลัง คุณก็ deal กับ 4,000 คน แต่ของเรา deal กับไม่รู้กี่ล้านคน supplier
ก็มีผู้รับเหมาไม่กี่เจ้า ของเรามี supplier 2-3 พันเจ้า เพราะฉะนั้นมันค่อนข้างจะละเอียดยิบ
ส่วนในแง่ของการจัดการ เป็นธุรกิจที่พนักงานก็เยอะที่สุด ในแง่ของการบริการแล้ว retail เป็นธุรกิจที่น่าจะใช้คนมากที่สุดอันหนึ่ง ผมคิดว่ามันมากกว่าโรงงาน
มากกว่าอะไรต่อมิอะไรตั้งเยอะ ดังนั้นยิ่ง relate กับคนเยอะก็ยิ่งปวดหัว
ในแง่รายละเอียดจะเยอะ และของของคุณก็เป็นล้านชิ้น ของของคุณนอกจากจะไม่รู้กี่แบบ
กี่แสนแบบแล้ว กี่ล้านชิ้นแล้ว ดังนั้นมันจึงมีรายละเอียดมาก ซึ่งคนจะไม่ค่อยเห็น
ถ้าหากคุณบอกว่าคุณเอา retailer มาเจอกับพวกขายจิวเวลลี่ คุณจะเห็นว่ามันคนละเรื่องกันเลย
คนละสไตล์ เพราะ retailer เขาต่อกันครั้ง 2 บาท 50 สตางค์ หรือ 3 บาท แต่จิวเวลลี่เขาต่อกันเป็นพัน
เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน ดังนั้นความคิดความอ่าน การใช้เงินมันต่างกันเยอะ
ใน mentality ของความประหยัด หรืออะไรพวกนี้ ความละเอียดอ่อนนี่ต่างกันเยอะ
แต่ขณะเดียวกัน retailer นั้นสำคัญที่สุดคือเรื่อง merchandising เพราะว่าตัวสินค้าต้องเป็นคนที่เข้าใจสินค้า
เข้าใจตลาด แต่ถ้าถามว่าแบ็คกราวน์จะเป็นอย่างไรนั้น ในแง่ของการศึกษาแล้วยากเหมือนกัน
มันก็ต้องผสมๆ กัน อย่างที่บอก มันก็มีหลายหน่วยงาน เพราะ retail มัน cover
เยอะมาก มัน cover ทุกส่วน เพราะถ้าหากคุณกำลังพูดถึง job ที่เกี่ยวกับ merchandiser
หรือ job ที่เกี่ยวกับ operation หรือ job ที่เกี่ยวกับ marketing มันมีทุกรูปแบบ
logistic ก็อีกแบบหนึ่ง เพราะฉะนั้นคำว่า retailer นี่ ตอนหลังมันก็ชักไม่แน่ใจแล้ว
เพราะว่าในองค์กร retail มันประกอบด้วยคนทุกรูปแบบเลย มันคนละแบ็คกราวน์หมด
อย่างตอนนี้ที่เราก็ลังทำเรื่อง supply chain ทางด้าน logistic management
นั้น มันเป็น purely science เลย เพราะฉะนั้นคนคนนี้ต้องเหมือนกับ engineering
เลย งานนี้ไม่ต่างจาก engineering เลย เพราะฉนั้นหัวทางด้าน engineer มันก็ต้องมีอีกหัวหนึ่ง
แต่ถ้าเป็นพวก marketing มันก็ต้องจัดพวก activity ต่างๆ มันก็อีกแบบหนึ่ง
ต้องเป็นพวกหัว art" อีกช่วงหนึ่งของวิสัยทัศน์ที่ ทศ จิราธิวัฒน์ ได้แสดงไว้ในการให้สัมภาษณ์กับ
"ผู้จัดการ"