Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2547








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2547
วิบากกรรมเศรษฐีรัสเซีย             
 


   
search resources

Roman Abramovich
Mikhail Khodorkovsky




เมื่อ 1 ใน 2 มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของรัสเซีย มีอันต้องระเห็จเข้าไปอยู่ในคุก อีกคนที่เหลือจะทำอย่างไร

ตอนนี้ Roman Abramovich มหาเศรษฐีน้ำมันของรัสเซียและผู้ว่าราชการจังหวัด Chukotka ในขั้วโลกเหนือ ซึ่งมีวัยเพียง 37 ปี ก็ได้ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในรัสเซีย (5.7 พันล้านดอลลาร์) ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ Mikhail Khodorkovsky มหาเศรษฐีน้ำมันที่เคยร่ำรวยที่สุดของรัสเซีย (8 พันล้านดอลลาร์ก่อนจะลดลง 40% ในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทน้ำมัน Yukos วัย 40 ปีถูกจับขังคุกด้วยข้อหาโกงและเลี่ยงภาษี ทั้งคู่ต่างไต่เต้าขึ้นมาจากดินเหมือนกันและต่างก็สบโอกาสร่ำรวยอย่างมหาศาล ในยุคแห่งการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เต็มไปด้วยความไม่ชอบมาพากลของรัสเซียในช่วงต้นทศวรรษ 1990

แต่นอกจาก Abramovich จะไม่ปลื้มแล้ว ดูเหมือนจะมีคนเห็นเขานั่งอยู่ที่สนามกีฬา Stamford Bridge ขนาด 42,000 ที่นั่งในกรุงลอนดอน เพื่อเชียร์ทีมฟุตบอล Chelsea ที่เขาซื้อมา ขณะลงเล่นใน Premiership มากกว่าเห็นเขาที่รัสเซียเสียอีก

คงไม่แปลกที่ Abramovich อาจกำลังคิดอพยพไปอยู่ในลอนดอน หลังจากที่ Khodorkovsky หนีวิบากกรรมไม่พ้นถูกทางการรัสเซียจับขังคุกหมดอนาคตอยู่ในขณะนี้ ด้วยข้อหาโกงและเลี่ยงภาษี ท่ามกลางเสียงครหาหนาหูว่าเป็นการกำจัดศัตรูการเมืองของประธานาธิบดี Vladimir Putin

ก่อนหน้าที่จะถูกเล่นงาน Khodorkovsky แสดงตัวเป็นปฏิปักษ์กับ Putin อย่างโจ่งแจ้ง เขาไม่พอใจ และประท้วงการที่รัฐบาลรัสเซียมีแนวโน้มในการใช้อำนาจเผด็จการ อำนาจบาตรใหญ่รวมทั้งการคอร์รัปชั่นมากขึ้น ด้วยการทุ่มเงินสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านหลายพรรค จนทำให้ใครๆ สงสัยว่าเขากำลังคิดทะเยอทะยานถึงตำแหน่งประธานาธิบดี

ส่วน Abramovich อาจจะมีหลายเหตุผลที่ทำให้เขาเคยคิดว่าตัวเขาเป็นที่โปรดปรานของรัฐบาล เพราะเขาพยายามทำอะไรหลายๆ อย่างเพื่อเอาอกเอกใจรัฐบาล เช่น การซื้อช่องโทรทัศน์ ORT ด้วยเงิน 150 ล้านดอลลาร์จาก Boris Berezovsky ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนของ Putin แต่ปัจจุบันเป็นศัตรูตัวฉกาจ แล้วยกให้เป็นของรัฐ นอกจากนี้ Abramovich ยังสู้อุตส่าห์ใช้เงินส่วนตัวหลายร้อยล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในจังหวัด Chukotka อันห่างไกลความเจริญที่เขาเป็นผู้ว่าฯ อยู่ ทำให้ชาวเมืองนั้นมีโทรทัศน์ของรัฐดูเป็นครั้งแรก มีซูเปอร์มาร์เก็ตที่ทันสมัยแห่งแรก รวมทั้งได้สัมผัสโรงหนัง โรงคอนเสิร์ตและลานสเกตน้ำแข็งในร่มเป็นครั้งแรก

แต่แล้วเมื่อไม่นานมานี้ Alexei Kudrin รัฐมนตรีคลังรัสเซียกลับกล่าวต่อ Abramovich อย่างมะนาวไม่มีน้ำว่า เงินที่จะใช้ปรับปรุงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาว Chukotka ควรจะมาจากงบประมาณของรัฐ มากกว่าจะเป็นเงินที่ได้มาจากการที่ธุรกิจของเขาได้รับการยกเว้นภาษี ตามกฎหมายยกเว้นภาษีให้แก่จังหวัดต่างๆ

เท่านั้นยังไม่พอ ในเวลาไล่ๆ กับที่เขายังมึนไม่หายกับคำพูดเย็นชาของ Kudrin ทางการรัสเซียก็สั่งสอบบัญชีและภาษีของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ชื่อ Sibneft ของเขา ขณะเดียวกันศาลมอสโก ก็ประทับรับฟ้องคดีเกี่ยวกับการรวมกิจการของบริษัท Yukos ของ Khodorkovsky กับ Sibneft ส่วนสภา Duma หรือสภาล่างของรัสเซียก็ผ่านกฎหมายใหม่ให้อำนาจรัฐบาลมากขึ้น ในการขึ้นภาษีส่งออกน้ำมันและยกเลิกการนิรโทษกรรมภาษี และสุดท้ายรัฐบาลยังได้เพิกถอนการยกเว้นภาษีให้แก่จังหวัดต่างๆ ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้าเป็นต้นไป ผลกระทบของการถูกฟ้องศาล การขึ้นภาษีและการถูกยกเลิกการยกเว้นภาษีทั้งหมดนี้ อาจทำให้บริษัทของเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า 650 ล้านดอลลาร์ในปีหน้า หรืออาจถึงกับล่มสลายไปเลย

เพียงเท่านี้ก็คงจะทำให้ Abramovich เริ่มสำเหนียกแล้วว่า วิบากกรรมคงจะตามมาถึงตัวเขาในวันหนึ่ง และเขาอาจประสบชะตากรรมไม่ต่างจาก Khodorkovsky เขาจึงเริ่มทะยอยขายทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลมาตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว เริ่มจากหุ้นใน Sibneft ขายให้แก่ Yukos 3 พันล้านดอลลาร์ (แถมได้หุ้น 26% ของ บริษัทใหม่ที่เกิดจากการรวมกิจการระหว่าง Yukos กับ Sibneft ด้วย) และขายหุ้นครึ่งหนึ่งของเขาที่มีอยู่ 50% ในบริษัท RusA1 ซึ่งเป็นบริษัทอะลูมิเนียมผูกขาด รวมทั้งหุ้นของเขาในสายการบิน Aeroflot fh;p

ขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มซื้อทรัพย์สินในอังกฤษ เริ่มจากเดือนกรกฎาคมซื้อทีม Chelsea ด้วยเงิน 230 ล้านดอลลาร์ และซื้อนักเตะใหม่ๆ อีก 190 ล้านดอลลาร์ 4 เดือนต่อมา เขาซื้อบ้าน 6 ชั้นใน Belgravia ในลอนดอนด้วยเงิน 48 ล้านดอลลาร์ จากที่มีบ้านราคา 20 ล้านอยู่แล้วใน West Sussex ในอังกฤษ และยังมีบ้านอีกหลังที่ St.Tropez ในฝรั่งเศส ล่าสุด Abramovich ถึงกับได้รับการจัดอันดับโดยหนังสือพิมพ์ Sunday Times ว่าเป็นผู้ที่มีรายได้สูงสุดในอังกฤษในปี 2003 คือ 960 ล้านดอลลาร์ คนสนิทของเขายังแอบกระซิบว่า เฉพาะปีนี้ Abramovich ได้เงินถึง 5 พันล้าน ดอลลาร์จากการขายทรัพย์สินบางส่วนในรัสเซีย

ล่าสุด Abramovich ก็ยังคงมีอารมณ์ที่จะขายต่อไป โดยเขาเพิ่งขายหุ้นอีก 37.5% ในบริษัทรถยนต์ Ruspromavto ไปอีก แต่ Abramovich จะถึงขั้นยอมแลกตำแหน่งเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดใน รัสเซียและตำแหน่งผู้ว่าฯ ไปเป็น "ท่านเซอร์" ในอังกฤษหรือไม่ ก็เห็นจะขึ้นกับความใจกว้างของ Putin ว่าจะยอมให้ Abramovich ขนเงินออกจากรัสเซียไปได้อีกกี่มากน้อย และความเมตตาของ Putin ที่จะยอมให้มีเศรษฐี "ผู้อยู่ในโอวาท" ในรัสเซียได้สักกี่คน

แปลและเรียบเรียงจาก
>> Time, December 1, 2003
โดย เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us