Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2547








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2547
YOU are how much, not what…             
โดย ลักขณา ศิริวรรณ
 





หมอชาวฝรั่งเศสต่างไม่พอใจที่มีรายงานของรัฐบาลออกมาตำหนิว่า เมื่อเกิดวิกฤติการณ์ heat-wave แผ่ไปทั่วฝรั่งเศสเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้มีคนตายทั่วประเทศกว่า 15,000 คนนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากหมอตาม โรงพยาบาลในช่วงนั้นลาพักผ่อนกันเยอะ จนคนป่วยไม่มีหมอดูแลเพียงพอ

ข่าวเศร้าน่าตกใจที่ตามมา เมื่อพบร่างผู้สูงอายุเสียชีวิตด้วยคลื่นความร้อนเกลื่อนไปทั่วกรุงปารีสกว่า 300 ศพ ไม่สามารถระบุญาติและคนติดต่อได้ ทำให้หลายคนสะท้านใจในจำนวนตัวเลขที่เห็นนี้ว่า เมืองใหญ่ๆ ของโลกเช่นปารีสผู้คนต่างอยู่กันอย่างอ้างว้างจริงๆ หรือ

ท่ามกลางความจริงที่โหดร้ายลึกๆในความรู้สึกของคนวัฒนธรรมตะวันออก ฉันยังไม่สามารถเกลียดเมืองนี้ได้สักทีเพราะทุกครั้งปารีสมีอะไรใหม่ให้ได้พบ ไม่เคยเบื่อ

เสน่ห์ความหลากหลายของศิลปะแขนงต่างๆ ในเมืองปารีสเปรียบเหมือนถนนที่ทอดยาวไปไกลแสนไกลไม่เคยจบหรือสะดุดลงตรงไหนเลย จุดเริ่มและจุดสิ้นสุดไม่สามารถกำหนดได้ เพียงแต่คาดเดาได้ว่าคงห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ทุกชั่วโมงยาม

ท่ามกลางความหลากหลายและการเปลี่ยนแปลงไปตามโมงยามเหล่านั้น ฉันกลับพบว่า สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนในปารีสคือ ศิลปะการกินอาหาร ทั้งๆ ที่ในโลกใบนี้ทุกเมืองต่างก้าวไปกับวิถีชีวิตการกินที่เปลี่ยน แปลงตามไปอย่างเห็นได้ชัด คนอังกฤษเคยกินมันฝรั่งกันเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ตอนนี้เพราะกระแสนิยมเรื่องสุขภาพแรงขึ้น ชาติที่ธรรมเนียมจัดอย่างอังกฤษยังต้องเปลี่ยนไปเหมือนกัน ผลสำรวจพบว่าแครอทคืออาหารยอดนิยมแทนที่มันฝรั่งไปเสียแล้ว

เห็นได้ชัดเจนว่า เวทีอาหารสำหรับแป้ง ไขมัน น้ำตาลรวมไปถึงแอลกอฮอล์ กำลังพบจุดจบ ตามเมืองและประเทศต่างๆ แต่ไม่ใช่ที่เมืองปารีสแห่งนี้

มีคนเคยตั้งคำถามพื้นๆ มาว่า ทำไมคนฝรั่งเศสที่ดื่มไวน์แทนน้ำ กิน croissant ที่อุดมไปด้วยแป้งและเนยทุกเช้า ทั้งขนมปังฝรั่งเศสขนาดยาวสุดแขนก็กินเข้าไปทุกมื้อไม่ว่าเช้าสายบ่ายค่ำ ขนมหวานประเภทต่างๆ ก็แสนมากมาย ทำไมคนฝรั่งเศสยังคงเป็นคนแข็งแรง มีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ทั้งผู้หญิงผู้ชาย สถิติโรคอ้วน โรคหัวใจไม่พุ่งปรู๊ดเหมือนคนอเมริกันหรือชนชาติต่างๆ ในยุโรป

เรื่องนี้ทำให้มีนักโภชนาการเข้ามาศึกษาระบบวิธีการทำขนม วิธีการกิน และประเภทร้านอาหารแบบต่างๆ อาหารจากภัตตาคารทุกประเภท ล้วนถูกนำมาเปรียบเทียบ ตั้งแต่ brasseries, eateries, pizza parlors, Chinese restaurants และ Hard Rock cafes ปารีส ล้วนมีร้านอาหารและประเภทของอาหารเหมือนที่ทุกประเทศทั่วโลกมี แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างไม่ใช่เรื่องของรายการอาหารแต่เป็นเรื่องของปริมาณ

คนฝรั่งเศสแตกต่างจากคนชาติอื่น ตรงที่จะกินอาหารในสัดส่วนที่ลดลงกว่าครึ่งของที่เสิร์ฟในประเทศอเมริกาและประเทศอื่นๆ

ถ้าเข้าใจประเด็นนี้ สำนวน You are what you eat ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่แท้จริงในประเด็นของการเพิ่มน้ำหนัก แต่เป็น You are how much, not what, you eat เสียแล้ว

ปริมาณอาหารจำนวนมากไม่ใช่สิ่งจำเป็นบนจานอาหารของชาวฝรั่งเศส การกินอาหารของฝรั่งเศสไม่เคยเปลี่ยน คนฝรั่งเศสกินอาหารเหมือนการเสพศิลป์ ศิลปะเป็นอย่างไรอาหารบนจานที่เสพเข้าร่างกายก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีร้านอาหารไหนในฝรั่งเศสจะขายอาหารแบบสุกเอาเผากิน เชิญชวนคนเข้าร้านด้วยการใช้ปริมาณเป็นเครื่องล่อเหมือนเมืองใหญ่ทั่วโลก

ถ้าเวลามีน้อยแค่ไป Fauchon ตั้งอยู่ที่ 26 Palace de la Madeleine อันเป็นแหล่งรวมอาหารอันหรูหราที่สุดในปารีส จะพบว่าจานอาหารคือผลงาน คือศิลปะ ต้องจัดวางให้เหมาะสม มีสัดส่วนที่ลงตัวของวัตถุดิบที่นำมาใช้ประกอบอาหารตลอดถึงขั้นตอนการปรุง เรื่อยไปจนถึงการยกมาวางให้ลูกค้าทุกอย่างถูกจัดถูกเตรียมอย่างพิถีพิถันจริงๆ

ฉันพบประสบการณ์ความตื่นเต้นทุกครั้ง สำหรับการเดินเข้าไปนั่งทานอาหารด้วยเมนูซ้ำที่ชอบ เช่น ตับห่าน หรือเป็ดอบในร้านต่างๆ ไม่เฉพาะว่าจะต้องเป็นร้านเลิศ ตกแต่งสวยงาม ทุกร้านทั่วปารีส ล้วนให้ความคาดหวังว่า จะได้ชมงานศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ที่จะถูกนำมาแสดงต่อหน้าทุกครั้ง ไม่เคยซ้ำ ไม่เคยเหมือนการนั่งทานอาหารที่เมืองอื่นใดในโลก

ทุกครั้งที่เดินทางมาปารีส เหมือนต้องตั้งสติและตั้งจิตมั่นคงว่า ครั้งนี้จะลิ้มลองรสชาติประสบการณ์ใดดี จะเดินไปถนนเส้นไหนดี ถนนสายที่เลือกในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Art Museum จะเป็น Food Restuarant หรือ Fashion Show หรือห้างสรรพสินค้า Printempes/Galeries Lafayette หรือแสดงนิทรรศการที่ Ladur'e ล้วนให้ความอิ่มเอมใจ ให้ต้องหลงวนเวียนเดินย้อนกลับไปเดินใหม่ เหมือนเดินอยู่ในเขาวงกตที่คาดเดาได้ยากว่าเมื่อเลี้ยวมุมนี้จะมีอะไรรออยู่ ความรู้สึกนี้เกิดได้ทุกครั้งที่มาปารีส

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us