Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2528








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2528
"ตอนแรกก็รู้สึกสงสาร"             
 


   
search resources

ชม้อย ทิพย์โส




วันที่ 26 มิถุนายน 2528 วันที่ชม้อย ทิพย์โส ถูกควบคุมเป็นผู้ต้องหาที่กองปราบปราม เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ เพราะแทบทุกคนที่ติดตามข่าวแชร์วงนี้มีความเชื่อว่าคนอย่างเธอนั้นต้องมีผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในแผ่นดินคอยปกป้องหนุนหลังอยู่

ที่เชื่อก็เพราะเหตุการณ์ในอดีตหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่ามรสุมลูกใหญ่ลูกเล็กที่โหมกระหน่ำใส่ แชร์วงนี้ก็อยู่รอดปลอดภัยมาได้

แต่ชม้อย ทิพย์โส ก็ถูกจับจนได้ ถูกจับชนิดว่าแม้แต่เจ้าตัวยังไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่ดูแลชม้อยตลอดเวลาในช่วงที่ถูกควบคุมอยู่กองปราบคือ ส.ต.อ.หญิงวันเพ็ญ แย้มฉาย และ ส.ต.ท.หญิงนันทยา ชาญนุวงศ์ แห่งหน่วยเฉพาะกิจคดีล่อลวงหญิงไปค้าประเวณีต่างประเทศ

ข้อความถัดจากนี้ไปคือคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ทั้งสองที่ “ผู้จัดการ” มีโอกาสได้สนทนาไต่ถามถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อชม้อย ทิพย์โส ซึ่งจังหวะชีวิตได้ทำให้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกันอยู่ระยะหนึ่ง


ชม้อยนั้นดูเผินๆ ภายนอกแล้วเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีมาก รวมทั้งเป็นคนที่มีจิตวิทยาในการพูดสูง ตอนแรกที่อยู่ด้วยกันรู้สึกสงสาร แต่เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่ก็ทำได้แค่เป็นผู้รับฟังทุกอย่างที่เธอเล่า ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณาตัดสิน

วันแรกที่โดนควบคุมตัวไม่เห็นอาการแสดงความวิตกกังวลออกมาเลย ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่เก็บความรู้สึกได้ดีมาก เคยเห็นผู้ต้องหาหญิงมามากไม่มีใครเหมือนคนนี้ เวลาพูด พูดช้า เรียบร้อย มารยาทดี แต่คุยเก่ง ทำตัวให้เข้าสถานการณ์ได้ดีมาก ไม่ว่าใครจะมาเยี่ยม คุยกับทุกคนได้อย่างน่าเชื่อถือ “ม้อยอย่างนั้น ม้อยอย่างนี้”

แต่เท่าที่สังเกตดูหรือมาทบทวนสิ่งที่เธอพูดออกไป แม้จะพูดด้วยคำหวานกับทุกคนที่มาเยี่ยม รู้สึกว่าคำพูดของเธอแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ไม่ใช่ความจริง

ชม้อยเล่าให้ฟังว่าไม่ได้มีความตั้งใจที่จะคดโกงประชาชนเลยแม้แต่นิดเดียว ตัวเธอเองเป็นคนสิงห์บุรี จบมาจากโรงเรียนราชินีบน ทำงานแบบนี้มา 12 ปีแล้ว หย่ากับสามีเก่าตั้งแต่ปี 2526 และยังบอกอีกว่าคนที่เธอทำให้ร่ำรวยมีอยู่มากมาย สามารถเอาเงินที่ได้จากการเล่นแชร์ไปซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือบางคนก็เอาเงินที่ได้ส่งลูกไปเรียนเมืองนอกอย่างสบาย

ตอนที่หายไปพักหนึ่งก็เล่าให้ฟังว่า เธอต้องหนี เพราะตัวเองไม่ปลอดภัย จึงไปอาศัยอยู่กับเพื่อนที่ฝั่งธนฯ ได้รับความลำบากมากมาย แพ้น้ำที่ใช้จนหน้าเป็นเม็ดผื่น เวลานอนจะนอนในบ้านก็นอนไม่ได้ ต้องขับรถออกไปนอนข้างถนน ญาติพี่น้องโดนข่มขู่ จึงคิดว่าออกมาแสดงตัวดีกว่าเพื่อจะได้ไม่ทำให้ญาติพี่น้องต้องเดือดร้อน

ตอนที่ชม้อยเล่าให้ฟังเรื่องที่หนีไป ถึงได้รู้ชัดเจนว่าโกหก เพราะรู้จากตำรวจด้วยกันอยู่แล้วว่าตอนที่ชม้อยหลบหน้าไปนั้นไปอยู่ที่สิงห์บุรี

วันต่อมา ในวันที่ 27 หลังจากเบิกตัวออกจากห้องควบคุม สุภาภรณ์ (ตุ๊ก) ทิพย์โส ลูกสาวคนโปรด ก็เอาแกงส้มและหมูทอดกระเทียมพริกไทยอาหารที่รู้ว่าแม่ชอบมาให้ แล้ว 2 แม่ลูกก็กินด้วยกันอย่างมีความสุข แต่สำหรับชม้อยสังเกตว่ากินได้ไม่มากเท่าที่ควร

เรื่องที่ชม้อยจะพูดอยู่บ่อยก็คือความเป็นห่วงลูกของตน เพราะตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปควบคุมตัวที่บ้านนั้น ไม่ทราบว่าลูกชายไปอยู่ที่ไหน จึงกลัวว่าจะเป็นอันตราย

ยิ่งลูกสาวแล้วชม้อยจะแสดงความรักและห่วงเป็นพิเศษเพราะอยู่ใกล้ชิดกันมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ภายหลังเกิดเรื่องก็ต้องให้ลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่ที่วิทยาลัยหอการค้าปี 1 ลาออกกลางคัน เพราะเกรงจะมีคนปองร้าย

2 วันแรกที่ถูกควบคุมตัวชม้อยไม่ยอมอาบน้ำหรือเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเลย แต่ก็พูดว่าอยู่ที่กองปราบอบอุ่นใจมากเพราะพนักงานสอบสวนทุกคนดีและเป็นกันเอง ส่วนอนาคตของตนนั้นหากพ้นโทษออกไปได้ ก็คงจะเข้าวัดไม่ยุ่งกับทางโลกอีก

เมื่อถึงวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำตัวชม้อย ทิพย์โส ไปฝากขังที่ศาลอาญา ดูเหมือนเธอจะรู้ชะตากรรมแล้วว่า ความหวังที่จะได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระ ที่อาจจะได้รับจากผู้ใหญ่ที่เคยเป็นที่พึ่งของเธอมาก่อนนั้นคงไม่มีทางเป็นจริงไปได้

อาการวิตกกังวลที่เก็บกลั้นในหลายวันที่ผ่านมาเริ่มแสดงให้เห็น พูดกับเราสองคนว่า “พี่คงต้องติดคุกแน่ๆ” ระหว่างที่พูดก็มีอาการเหม่อลอยเหมือนกับคนขาดสติ และเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่ตอนเช้า

การเดินทางเพื่อนำชม้อยไปขึ้นศาล เจ้าหน้าที่มีการป้องกันเหตุร้ายที่ไม่คาดฝันอย่างแน่นหนา เราทั้งสองคนก็นั่งไปกับเธอด้วย รวมทั้งนายตำรวจอีกหลายคน พอใกล้จะถึงชม้อยมีอาการเงียบขรึมไม่พูดไม่จา ท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก

เมื่อไปถึงเรามีหน้าที่เข้าไปประกบทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ รู้สึกได้เลยว่ามือของเธอสั่นและเย็นเฉียบ ใบหน้าที่แม้จะพอกไว้ด้วยเครื่องสำอางก็ยังเห็นได้ชัดว่าซีดเผือด แต่ก็พยายามฝืนยิ้มออกมา

ยิ่งตอนจะก้าวขึ้นบันไดศาลอาญาขั้นแรก ที่มีประชาชนและนักข่าวมุงดูแน่นไปหมด เธอถึงกับเข่าอ่อน จนเราต้องดึงมือยกขึ้นเพื่อให้ขึ้นบันไดไปได้ และเมื่อเข้าไปห้องพิจารณาคดีแล้ว เธอก็รับหมดทุกข้อหารวมทั้งเซ็นชื่อรับทราบ

เสร็จจากพิธีการทางกฎหมายที่ศาลอาญาก็ต้องนำตัวเธอไปส่งที่ทัณฑสถานหญิงลาดยาว ตลอดทางชม้อยเอาแต่คุยเกี่ยวกับที่คุมขังแห่งใหม่ โดยบอกว่าจะดีเหมือนที่กองปราบหรือเปล่าก็ไม่รู้

ก่อนที่จะแยกจากกัน หลังจากที่มอบตัวให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์แล้วเธอยังหันมาสั่งเราว่าให้ไปเยี่ยมเธอบ้าง และฝากให้ช่วยเอาเสื้อผ้ามาให้ด้วยเพราะทิ้งไว้ที่กองปราบหมด


“ผู้จัดการ” คงไม่มีความเห็นอะไรต่อความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองที่เล่าให้ฟัง เรื่องราวทั้งหมดมันดำเนินไปด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว

สำหรับ ส.ต.อ.หญิงวันเพ็ญ และ ส.ต.ท.นันทยา ชม้อย ทิพย์โส คงเป็นผู้ต้องหาพิเศษที่ลืมเลือนไปไม่ได้ง่ายๆ และต่อไปภายหน้าหากมีลูกหลานถามถึงเรื่องนี้ เธอคงได้เล่าเหตุการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์นี้ด้วยความภูมิใจที่มีโอกาสเข้าไปสัมผัสอย่างใกล้ชิดแม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us