Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2528








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2528
บันทึกลายแทงขุมทรัพย์ "ชม้อย" ลึกลับกว่า "คิง โซโลมอน ไมน" หลายเท่า             
 


   
search resources

ชม้อย ทิพย์โส




23 กรกฎาคม 2528 เริ่มตั้งแต่บ่าย 3 โมง ตำรวจกองปราบกลุ่มหนึ่งรับคำสั่งจากพลตำรวจตรีบุญชู วังกานนท์ ให้นำผู้ต้องหา 6 คนไปชี้ที่เกิดเหตุที่บ้านนางชม้อย ทิพย์โส ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 6 นี้ ประกอบด้วยนายปิยะชัย ชีรานนท์ นางสมบูรณ์ ประเสริฐศรี นางวัฒนา ทิพย์โส นางนงเยาว์ เจริญงาม นายสมชาติ ไสยสุต และพันจ่าอากาศเอกศุภวัฒน์ ประเสริฐศรี ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ต้องหาที่ร่วมกับนางชม้อยตั้งวงแชร์ทำการฉ้อโกงประชาชน

ตำรวจได้ให้ผู้ต้องหาแต่ละคนพาไปดูที่ทำงาน ว่าใครนั่งเก้าอี้ตัวไหน เพื่อใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้ต้องหา

จากนั้นก็มีการนำไปชี้ตัวห้องนอนของนางชม้อย ก็ปรากฏว่าช่วงนั้น พ.ต.ต.ประเสริฐ จันทราพิพัฒน์ และ จ.ส.อ.วันชัย สายหยุด ได้ถือไขควงเคาะฝาผนังห้องนอนไปรอบๆ กระทั่งมาถึงบริเวณฝาผนังติดกับบันได เสียงเคาะผิดปกติคล้ายๆ กับข้างในกลวง

พยายามค้นหาที่เปิดปิดแล้วก็พบรูกุญแจติดกับฝาผนังซึ่งเป็นไม้ตีสลับแนว รูกุญแจอำพรางไว้จากสายตาโดยเอาปฏิทินและเสื่อผืนเล็กๆ แขวนประดับไว้ ถ้าไม่สังเกตจะมองไม่ออกเด็ดขาดว่ามีอะไรซุกซ่อนอยู่ข้างหลัง

มีการเรียกผู้ต้องหาทุกคนมาถามว่าเป็นห้องอะไร ก็ไม่ปรากฏว่ามีผู้ต้องหาคนใดทราบ ตำรวจก็เลยให้ผู้ต้องหาทุกคนยืนตรงนั้นเป็นพยาน จากนั้นก็หาทางเข้าไปตรวจสอบในห้องลับนั้นดู

แล้วก็ได้พบกับกรุมหาสมบัติที่มีทองคำแท่งและทองรูปพรรณ ตลอดจนเพชรนิลจินดาระยิบระยับไปหมดทั้งห้อง

เมื่อพบกรุมหาสมบัติซึ่งมีทรัพย์สินมีค่ามหาศาลแล้ว ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.บุญฤทธิ์ รัตนพร ผู้กำกับการ 1 กองปราบ พร้อมกับตำรวจอีกชุดได้ตรวจค้นมาถึงห้องพระของนางชม้อยพบตู้ใส่เอกสาร 2 ชั้นวางอยู่ ปิดกุญแจเรียบร้อย สอบถามแล้วทราบว่าเป็นตู้ใส่เอกสารของนางชม้อย

ตำรวจจึงให้พันจ่าอากาศเอกศุภวัฒน์ น้องชายนางชม้อยเปิดให้ดู พันจ่าอากาศเอกสุขวัฒน์ไม่มีกุญแจจึงขอใช้ชะแลงงัด

ก็พบเงินสดๆ มัดเป็นปึกๆ นำออกมานับต่อหน้าผู้ต้องหา คือพันจ่าอากาศเอกศุภวัฒน์ เป็นเงินทั้งสิ้น 5 ล้านบาทเศษๆ

29 กรกฎาคม 2528 ผู้การฯ บุญชู วังกานนท์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มใหญ่จากกองปราบได้นำตัวนายวิโรจน์ เสือมา สามีคนปัจจุบันของชม้อย ออกเดินทางไปตรวจค้นบ้านหลายหลัง ซึ่งส่วนมากเป็นบ้านญาติของนายวิโรจน์

ตำรวจเริ่มต้นด้วยการพานายวิโรจน์ไปยึดรถเบนซ์ของนางชม้อยที่นายวิโรจน์นำไปซ่อนไว้ที่ลพบุรีก่อน

ประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง เข้าตรวจค้นบ้านนางสมบูรณ์ ประเสริฐศรี พบกับนางบุญมา กลิ่นผา แม่ของนางสมบูรณ์

นางบุญมายอมรับกับตำรวจว่านางชม้อยในช่วงหลบหนีก่อนจะถูกจับกุมได้นำกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2 ใบและกระเป๋าถือของผู้หญิงอีก 3 ใบมาฝากไว้

แต่นางบุญมานำของทั้งหมดไปฝากไว้กับนายธรรมศักดิ์ กลิ่นผา ซึ่งเป็นญาติกันอีกทอดหนึ่ง

ตำรวจได้ใช้ความพยายามที่จะตามหาตัวนายธรรมศักดิ์อยู่เกือบทั้งวัน จนในที่สุดก็พบและได้พามาหาผู้การฯ บุญชู

แรกๆ นายธรรมศักดิ์ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เมื่อตำรวจใช้ความอดทนซักถามไปเรื่อยๆ ก็ยอมรับว่าได้นำกระเป๋าทั้งหมดไปฝากไว้กับนางสมพิศ บุญศรี ซึ่งเป็นเมียของเพื่อน โดยเพื่อนคนนี้เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลเชิงกลัด อำเภอบางระจัน สิงห์บุรี

ตำรวจจึงนำกำลังไปที่บ้านของนางสมพิศ และนางสมพิศก็ยอมรับว่าตนกับสามีได้ช่วยกันนำกระเป๋าไปฝังไว้ที่ใต้บันไดบ้านและปลูกแคร่ทับอำพรางไว้ เจ้าหน้าที่ก็เลยจัดการลงมือขุดและเมื่อขุดลงไปลึกศอกกว่าก็พบถุงพลาสติก

เปิดถุงพลาสติกดูพบกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 3 ใบพร้อมกับกระเป๋าถือผู้หญิง 3 ใบอยู่ภายใน

เปิดกระเป๋าทุกใบออกดูพบเงินสดอัดแน่นอยู่ทุกใบ นับๆ แล้วก็เป็นเงิน 19 ล้าน 5 แสนบาท

16 สิงหาคม 2528

นางสุพิน วงศ์มณีพิทักษ์ อายุ 34 ปี เป็นคนเมืองสิงห์ อดีตเคยเป็นหัวหน้าสายวงแชร์ชม้อย ทำงานอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสิงห์บุรี ได้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้การฯ บุญชู ขอคืนทรัพย์สมบัติของนางชม้อยที่นำมาฝากไว้นานแล้วกลับคืนไปแจกจ่ายให้กับลูกแชร์

นางสุพินบอกว่า ตนและลูกพี่ลูกน้องกันชื่อนายไพรัช หาญพานิช ไปหานางชม้อยที่บ้านเพื่อขอทวงเงินที่เล่นแชร์ไว้จำนวน 3 ล้านบาท นางชม้อยก็คืนเงินให้โดยดี พร้อมกับขอฝากกระเป๋าไว้หนึ่งใบเป็นกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่มากมีกุญแจปิดอยู่ 2 ดอก นางชม้อยพูดกับตนว่ากระเป๋าใบนี้ใส่ชุดผ้าไหมที่นางชม้อยชอบมากไว้ เมื่อสิ้นเรื่องวุ่นวายแล้ว จะไปขอรับคืน

ต่อมาตนทราบว่านางชม้อยถูกจับ จึงเอะใจว่าข้างในอาจจะมีเงิน จึงได้ใช้มีดกรีดกระเป๋าก็พบชุดผ้าไหมจริงตามที่นางชม้อยพูดเพียงแต่ข้างใต้ชุดผ้าไหมยังมีเงินสดๆ อีกจำนวน 10 ล้านบาท

ตนและนายไพรัชก็เลยนำเงินทั้ง 10 ล้านไปแยกฝากออมทรัพย์ไว้ตามธนาคารต่างๆ ทั้งหมด 19 บัญชี

วันที่ 17 สิงหาคม ตำรวจกองปราบได้นำคนทั้งสองไปตระเวนถอนเงินจนได้มาครบทุกบาททุกสตางค์

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us